ความสำเร็จในการขายภาพสต็อก ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคุณภาพและเนื้อหาของภาพที่เราถ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกพอสมควร เช่น เรื่องชื่อและคำอธิบายภาพ เรื่องคำค้น หรือคีย์เวิร์ด ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้าใช้เข้ามาค้นหาภาพสต็อกไปใช้งานอีกด้วย ซึ่งคนขายภาพหลายๆ คนอาจจะยังไม่ได้นึกถึงความสำคัญหรือบทบาทของสิ่งเหล่านี้ที่มีต่อการขาย มุ่งเน้นกันที่ตัวภาพอย่างเดียว แล้วก็สงสัยว่าทำไม ภาพดี เนื้อหาดี แต่ขายไม่ค่อยนี้ สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสาเหตุก็ได้ครับ
ปกติแล้ว สมมติว่าลูกค้าของ Shutterstock ต้องการภาพสต็อกเกี่ยวกับวัวที่อยู่ในฟาร์ม และมองเห็นฉากหลังเป็นท้องฟ้าที่มีเมฆลอยละล่อง ก็จะเข้ามายังเว็บของ Shutterstock แล้วก็ใช้คีย์เวิร์ดหรือคำค้นประมาณว่า cow farm cloud blue sky วัว ฟาร์ม เมฆ สีฟ้า ท้องฟ้า หรือกลุ่มคำอื่นๆ ที่คล้ายๆ กันนี้ จะไม่นิยมค้นหาด้วยคำคำเดียวโดดๆ เพราะถ้าทำอย่างนั้น เขาก็จะได้ไฟล์จำนวนมากที่มีเนื้อหากว้างเกินความต้องการ เช่น ใส่คำค้นคำเดียวคือ cow หรือ วัว ก็จะได้ภาพวัวจำนวนมาก ทั้งวัวที่อยู่ในทุ่งตามที่คิดไว้ อยู่ที่อยู่บนฉากหลังขาว เนื้อวัวในโรงฆ่าสัตว์หรือในซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น ดังนั้น การใส่คีย์เวิร์ดให้กับภาพสต็อกของเรา จึงต้องใส่ให้ครอบคลุมเนื้อหาอย่างครบถ้วน ทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรม ยกตัวอย่างการใส่คีย์เวิร์ดสำหรับภาพสต็อกใน iStockphoto นั้นถือเป็นเรื่องที่ต้องละเอียดพอสมควร เนื่องจากที่นี่ต้องการความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน การใส่คีย์เวิร์ดที่ไม่ตรงกับเนื้อหาของภาพ หรือใช้คีย์เวิร์ดคำเดียวแล้วไปเติม s เติม ing เข้าไป ไมโครสต็อกแห่งนี้ (รวมทั้งที่อื่นๆ ด้วยนั่นแหละครับ) จะไม่ค่อยปลื้มเท่าใดนัก ต่อไปนี้คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใส่ข้อมูลต่างๆ ลงในภาพสต็อก ซึ่งนำไปใช้ได้กับไมโครสต็อกทุกแห่ง
Title การตั้งชื่อให้กับภาพสต็อก
ควรใช้คำไม่เกิน 10 คำสำหรับตั้งชื่อ อธิบายความหมายหลักของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้น ใช้คำสั้นๆ ไม่ต้องอธิบายมากในส่วนนี้ เช่น Five Pencils ดินสอห้าแท่ง ก็ถือว่าเพียงพอ ไม่ต้องใส่ A หรือ The หรือตัวเลขใด ๆ นำหน้าชื่อเพราะหวังว่ามันจะทำให้ผู้ซื้อค้นหาภาพของเราขึ้นมาในอันดับแรก ๆ เพราะว่า ระบบอัลกอริธึ่มในการค้นหาของไมโครสต็อกนั้นสลับซับซ้อนและสุดยอดกว่าจะหลงกลเทคนิคง่ายๆ ประเภทนี้ ดังนั้นต้องไม่ตั้งชื่อไฟล์ประเภท A Five Pencils หรือ 1 Red Pencils หรือ The Running Machine เป็นต้น
Description การใส่คำอธิบายลักษณะหรือเนื้อหาของภาพ
iStockphoto ระบุไว้ชัดเจนว่า การใส่คำอธิบายลักษณะภาพนั้น ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใช้พิจารณาว่า จะให้ภาพนั้นผ่านหรือไม่ผ่าน คำอธิบายต้องใช้คำที่บอกถึงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัตถุซึ่งอยู่ในภาพอย่างชัดเจน เราสามารถที่จะใส่คำอธิบายถึงสภาพแวดล้อมเฉพาะของภาพนั้นๆ หรือสิ่งที่น่าสนใจ หรือสิ่งที่ทำให้ภาพนั้นพิเศษแตกต่างจากภาพอื่น ๆ ได้ แต่ภายในคำอธิบายนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อเฉพาะของบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ ชื่อเครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อของสินค้าใดๆ หรือชื่อของสิ่งของที่มีลิขสิทธิ์ต่างๆ เช่น เราถ่ายภาพนางแบบในชุดสูทแบบนักธุรกิจกำลังยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา เหมือนกับการคอยใครสักคน ก็ใส่คำอธิบายประเภทว่า Woman in business suit seeing her watch ผู้หญิงในชุดสูทกำลังมองนาฬิกาข้อมือ ก็พอ ไม่ต้องอธิบายว่า Miss Sureeporn in Prada suit seeing her Rolex watch นางสาวสุรีย์พรในชุดสูทยี่ห้อปราด้ากำลังมองนาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ของเธอ อะไรทำนองนี้ ด้วยหวังว่า การบอกยี่ห้อหรือชื่อสินค้าจะทำให้ลูกค้าสนใจภาพที่ดูไฮโซขึ้น อย่างนี้นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว อาจจะทำให้ภาพที่กำลังจะผ่านการพิจารณา กลายเป็นไม่ผ่านในทันที
Keywords หรือ คำค้น หัวใจของการขายภาพสต็อก
การใส่คีย์เวิร์ดหรือคำค้นสำหรับให้ลูกค้าค้นหาภาพของเราพบ ถือเป็นหนึ่งใน “หัวใจ” สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการขายภาพสต็อก ยิ่งคุณใส่คีย์เวิร์ดได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เครื่องมือค้นหาทำการแสดงงานของคุณให้ลูกค้าเห็นมากขึ้นเท่านั้น เคล็ดลับคือการเดาใจลูกค้าให้ถูกว่า พวกเขาจะค้นหากันด้วยคำอะไรบ้าง คุณมีภาพที่ยอดเยี่ยม คุณภาพดี เนื้อหาน่าสนใจ ลงทุนลงแรงถ่ายและจัดการไฟล์ด้วยความตั้งอกตั้งใจ มันควรจะขายได้ดี ในแต่ละวันมีลูกค้าที่เป็นสมาชิกหลายล้านคนเข้ามาค้นหาภาพในไมโครสต็อก (เฉพาะ iStockphoto ที่เดียว เขาก็เปิดเผยตัวเลขว่า มีลูกค้ามากกว่า 1,000,000 คนเข้ามาค้นหาภาพในเว็บแห่งนี้) พวกเขาก็อยากเจอภาพสต็อกดีๆ ของคุณเหมือนกัน เทคนิคการใส่คีย์เวิร์ดบางอย่างก็ช่วยให้ทั้งฝ่ายคุณและฝ่ายลูกค้า บรรลุจุดประสงค์ได้ง่ายขึ้น ได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เทคนิคเหล่านั้นคืออะไรบ้าง ก็คือการใช้คำที่แยกออกมาเป็นคำแต่ละคำเพื่อ “พรรณา” ว่าอะไรอยู่ในภาพสต็อกของคุณ คุณมีจำนวนคำถึง 50 คำให้ใช้ในการอธิบายให้มันแจ่มแจ้งชัดเจน (ไมโครสต็อกบางแห่งให้คุณใส่คีย์เวิร์ดได้มากกว่า 50 คำ แต่ Shutterstock ให้ใส่ได้ไม่เกิน 50 คำ ดังนั้น หากว่าต้องการส่งภาพที่เว็บนี้ด้วย ก็ต้องใส่คำค้นไว้ไม่ให้เกินจำนวนนี้) ยิ่งคุณใช้คำได้ตรงกับเนื้อหาและบีบให้มันมีความหมายแคบหรือตรงตัวได้มาก เท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ภาพของคุณจะถูกค้นเจอมากเท่านั้น ก่อนใส่คีย์เวิร์ด ก็ถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆ ว่า มันคืออะไร แล้วก็ค่อย ๆ ตอบตามที่เห็นชัด เช่น มันคือดอกไม้สีเหลืองที่ชื่อดาวกระจาย หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Cosmos หรือ Mexican Aster ซึ่งกำลังบานเต็มที่ในฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีฟ้าและมีเมฆสีขาวอยู่เบื้อง หลัง, มันคือ ดอกกุหลาบสีขาวสองดอก มีหยดน้ำเกาะ ดูแล้วสดชื่น สีสวย, คือ ผู้หญิงวัยรุ่น ที่ดูกระฉับกระเฉง เป็นคนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในชุดทำงาน กำลังคุยโทรศัพท์มือถือ บนฉากหลังสีขาว เป็นต้น ค่อย ๆ ตอบตัวเองไปทีละประเด็น จากนั้นก็เอาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องมาใส่ลงไป ก็จะทำให้เสิร์ชอินจิ้นของเว็บค้นหาและแสดงผลได้ตรงกับภาพของเรามากขึ้น (หรือแม้แต่ Google ก็เข้าไปค้นหาในไมโครสต็อกกับเขาด้วยนะครับ)
การใส่คีย์เวิร์ดที่ดี ควรเริ่มจากการใช้คำที่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้จำเพาะเจาะจง จำกัดวงให้ตรงกับวัตถุหลักของภาพ สำหรับภาพที่มีคนปรากฏอยู่ ก็ให้รวมเอาคำศัพท์ที่เกี่ยวกับกิริยาท่าทาง เชื้อชาติ สีหน้า อารมณ์ ลักษณะที่แสดงออกต่างๆ เช่น ผู้หญิงหน้าสวย, ตำรวจอ้วน, นักธุรกิจมีผมน้อย หรือศรีษะล้าน ก็ใส่ลงไปได้ ใครจะไปรู้ ที่มุมไหนสักแห่งในโลก ลูกค้าอาจจะกำลังหาภาพที่เกี่ยวกับนักธุรกิจศรีษะล้านอยู่ก็ได้ คนจำนวนมากอาจจะนึกไม่ถึง แต่ถ้าคุณนึกถึงคำนั้นและกล้าใส่ไป โอกาสก็เป็นของคุณ
ใช้คำค้นหรือคีย์สองสามคำแจกแจงให้กับเนื้อหาสำคัญทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิด ขึ้นในภาพของคุณไล่ไปเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นส่วนวัตถุหลัก ฉากหลังหรือส่วนประกอบ คุณจำเป็นจะต้องมองภาพของคุณให้เป็นเรื่องเรื่องหนึ่ง และเริ่มต้นบรรยายเรื่องนั้น การบรรยายต้องแน่ใจว่ามีคำที่ประกอบด้วยคำนาม (สำหรับอธิบายถึงบุคคล สถานที่ และสิ่งของที่อยู่ในภาพ) และต้องแน่ใจว่ามีคำที่มีลักษณะเป็นกิริยา (อธิบายว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่) ในสถานการณ์นั้น ขอให้ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ เวลาจะบรรยายเหตุการณ์ ต้องตั้งคำถามหลักๆ เกี่ยวกับภาพที่ปรากฏขึ้นมา และหาคำตอบว่า ใคร อะไร เมื่อ ที่ไหน และ ทำไม เทคนิคเหล่านี้ จะทำให้คุณได้คีย์เวิร์ดที่ครอบคลุมเนื้อหาของภาพทั้งหมดได้โดยง่าย
คีย์เวิร์ดจะบรรยายถึงทุกมุมที่ปรากฏอยู่ในภาพ เมื่อเราใส่คำที่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างละเอียดเช่นนี้ เวลาที่ลูกค้าซึ่งกำลังนึกถึงภาพที่คล้ายๆ กันนี้เข้ามาค้นหาภาพ เขาก็ย่อมที่จะใช้คำต่างๆ ซึ่งคล้ายๆ กับที่เราบรรยายไป โอกาสที่พวกเขาจะพบภาพของเราก็มีมากขึ้น สมมติว่าในภาษาไทย เรามีภาพผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำท่าตะโกนเสียงดังเหมือนกำลังโมโหอะไรอยู่ ถ้าเรานึกบรรยายภาพ ก็คงจะนึกได้ประมาณว่า ผู้ชายตะโกนเสียงดัง กำลังโกรธ คนทั่วไปคงจะไม่นึกถึงคำว่า บุรุษเพศผู้พิโรธโกรธา หรือ ชายชาติอาชาไนยผู้กำลังขึ้งโกรธ เป็นต้น ลูกค้าที่เข้ามาค้นหาภาพก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็มักจะใช้คำ (ภาษาอังกฤษ) ง่ายๆ พื้น ๆ มาค้นหาภาพกันเป็นหลัก ดังนั้น ภาษาอังกฤษที่นิยมใช้เป็นคีย์เวิร์ด ก็จะเป็นภาษาอังกฤษที่เป็นศัพท์พื้นฐานระดับประถมและมัธยมโดยทั่วไปเป็นหลักครับ ไม่ใช่ศัพท์ยากๆ ในตำราวิชาการชั้นสูงแต่อย่างใด ยกเว้น คำศัพท์ที่เป็นศัพท์เฉพาะของวัตถุพิเศษบางชนิด เช่น เราถ่ายภาพกล้วยไม้รองเท้านารี นอกจากคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับดอกไม้และกล้วยไม้ทั่วๆ ไปแล้ว ก็ควรหาคีย์เวิร์ดที่เป็นชื่อเฉพาะ ชื่อวงศ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญ ของกล้วยไม้ชนิดนั้นๆ มาใส่ลงไปด้วย ซึ่งอันนี้จำเป็นจะต้องใช้ศัพท์แปลกๆ ยากๆ กว่าปกติ ควรใช้วิธี Copy จาก Dictionary หรือจากแหล่งที่มา มาใส่ในช่องคีย์เวิร์ด เพราะคำยากๆ แปลกๆ เหล่านี้ ถ้าพิมพ์เองอาจจะมีการผิดพลาดตกหล่นได้ครับ
ข้อควรระวังก็คือ คำว่า ทุกสิ่งที่อย่างนั้น หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสาระสำคัญนะครับ ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรายละปลีกย่อยจนเกินไป อย่างเช่นภาพผู้หญิงด้านล่างนี้ ถ้าเป็นภาพสต็อก เรานึกถึงอะไร ให้คิดออกมาเป็นเรื่องราวเลย ผู้หญิง หน้าตาดี วัยรุ่น กำลังยิ้ม กินขนมหวานที่มีผลไม้เป็นส่วนประกอบ ซึ่งมันน่าจะดีต่อสุขภาพ ในสถานที่ที่ดูเหมือนร้านอาหาร บรรยากาศสบาย ๆ แน่นอนว่าคุณอาจจะใช้คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดว่า woman, girl, teen, pretty, face, nice, smile, eat, food, ice, fruit, fresh, health, shop, restaurant, relax, lifestyle หรืออะไรอย่างอื่นได้อีกหลายคำ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพจำนวนมากที่คุณไม่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดไว้ เช่น มือ แขน กระดุม นิ้วมือ จมูก เป็นต้น สิ่งเล็กๆ น้อย เหล่านี้ไม่ใช่เนื้อหาสาระของภาพ ไม่เป็นทั้งเนื้อหาหลักหรือเนื้อหารอง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใส่ แต่ถ้าหากคุณใส่เข้าไปจริงๆ นั่นอาจจะทำให้ภาพของคุณไม่ผ่านก็ได้ ด้วยข้อหา ใส่คีย์เวิร์ดไม่เกี่ยวข้องกับภาพ ซึ่งสำหรับ iStockphoto แล้ว ข้อหานี้โดนกันบ่อยๆ น่าเสียดายที่อะไรๆ ก็ดีพร้อมไปหมด แต่ภาพก็สอบตกด้วยเรื่องการใส่คีย์เวิร์ดที่ถูกพิจารณาว่า ไม่เกี่ยวข้องกับภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใส่คีย์เวิร์ดที่บีบความหมายให้แคบจะมีประโยชน์มากก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด อย่าลืมว่าเรามีจำนวนคีย์เวิร์ดให้ใช้ถึง 50 คำ ไม่จำเป็นต้องเป็นคำที่มีความหมายตรงตัวแคบๆ ทั้งหมด การไม่ใส่คีย์เวิร์ดกว้างๆ ทั่วไปลงไปบ้าง จะทำให้คุณพลาดโอกาสสำหรับลูกค้าที่ค้นหาภาพแบบไม่เจาะจงมากนัก เช่น การใส่คีย์เวิร์ดว่าความหมายว่า ขาไก่กำลังทอดอยู่ในกะทะแสตนเลสใบที่มีสภาพใหม่ในครัวสไตล์โมเดิร์น chicken leg frying new stainless pan modern style kitchen แบบนี้อาจจะทำให้คุณมีโอกาสสูงสุดเมื่อใครสักคนเข้ามาค้นหาภาพแบบจำเพาะ เจาะจงเช่นนี้ คู่แข่งก็มีน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ภาพนี้ก็ยังมีโอกาสขายให้คนที่เข้ามาค้นหาด้วยคีย์เวิร์ประเภท food meal breakfast meat lunch dinner eat ซึ่งเป็นคำธรรมดาสามัญทั่วไปด้วย เป็นต้น เพราะฉะนั้น อย่าลืมคำพื้นๆ พวกนี้เด็ดขาด ให้เริ่มจากคีย์เวิร์ดเฉพาะก่อน แล้วค่อยๆ จบลงที่คีย์เวิร์ดกว้างๆ แบบนี้
นอกจากนี้แล้ว เทคนิคการถ่ายทำแต่ละชนิด ก็สามารถนำมาใช่ไว้ในคีย์เวิร์ดของภาพนั้นๆ ได้ด้วยถ้ามันใช้เทคนิคหรือวิธีการนั้นจริงๆ เพราะว่าบ่อยครั้งที่ลูกค้าเข้ามาค้นหาภาพที่มีเทคนิคหรือวิธีการถ่ายโดย เฉพาะ คีย์เวิร์ดเหล่านี้เช่น zoom (ถ่ายโดยใช้เทคนิคการซูม ไม่ว่าซูมเข้าหรือซูมออก), second curtain (ถ่ายด้วยการใช้เทคนิคเปิดแฟลชสัมพันธ์กับม่านชัตเตอร์ชุดที่สอง), low angle (ถ่ายในมุมต่ำ), bird eyes view (ถ่ายในมุมสูง), closeup (ถ่ายระยะใกล้) เป็นต้น พวกนี้สามารถเอามาใส่ไว้ในชุดคีย์เวิร์ดได้เช่นกัน ทำให้ภาพของเรามีโอกาสถูกค้นพบจากลูกค้าที่ต้องการสิ่งที่เป็นเทคนิคการถ่าย ทำเฉพาะในกลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้น
ถ้าจำนวนคีย์เวิร์ดยังมีเหลือพอ และภาพของเราถ่ายทำด้วยเทคนิคอะไรเป็นพิเศษเท่าที่เราพอจะนึกออก ก็อย่าลังเลที่จะใส่เข้าไปด้วย ลูกค้ามักจะใช้คำศัพท์พวกนี้เข้ามาค้นหาภาพอยู่เสมอ เช่น black and white, isolation, cross-process, high-key แม้แต่พวกรูปแบบการถ่ายก็สามารถเอามาใส่ได้เช่น lifestyle, panorama, crowd, candid, abstract เป็นต้น
การใส่คีย์เวิร์ดมีเรื่องของความละเอียดรอบคอบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ภาพที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันจะมียอดขายแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งก็มาจากการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในภาพนั่นเอง และสำหรับการใส่ข้อมูลเหล่านี้ ควรใส่ตั้งแต่ขั้นตอนการ Process หรือปรับแต่ง ตัดต่อภาพด้วยโปรแกรมเช่น Lightroom, Photoshop, ACDSee หรือโปรแกรมตกแต่งภาพอื่นที่เราใช้งานกันอยู่ เพราะว่าจะเป็นการทำงานครั้งเดียว เมื่อนำภาพส่งไปยังไมโครสต็อกต่าง ๆ หลาย ๆ แห่ง จะได้ไม่เสียเวลาในการต้องคอยใส่ข้อมูลต่าง ๆ เพราะว่าระบบของไมโครสต็อกทุกแห่ง จะอ่านข้อมูลเหล่านี้โดยอัตโนมัติจาก Metadata ที่เราใส่ไว้เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ
อัปเดทเพิ่มเติมต่อท้ายบทความนี้ 05 มีนาคม 2562
การใส่ Keywords, Title และ Description ที่ให้ "ส่งได้ทุกเว็บ" ไม่ต้องเสียเวลามานั่งแก้ใหม่ภายหลังในกรณีเราเพิ่มหน้าร้านไปขายเว็บอื่นๆ ด้วย เท่าที่แอดมินมีข้อมูล ณ ปัจจุบันนี้ ให้ใส่ดังนี้ครับ (กรุณาดูรูปประกอบด้านล่าง ผมใช้ Lightroom ในการใส่นะครับ)
- Keywords ใส่ 50 คำเหมือนเดิม ท่านที่ชอบใส่ประมาณ ไม่เกิน 40 คำ สามารถใส่คำที่เป็นกลุ่มคำลงไปได้บ้าง ถ้ากลุ่มคำนั้นเป็นคำที่มีความหมายเฉพาะ เช่นคำว่า information technology, คำว่า do it yourself ซึ่งเป็นคำที่ลูกค้ามักใช้เป็นคำเดียวกันในการค้นหา อย่างนี้ไม่ผิดกติกาของบางเว็บ แต่ท่านที่ชอบใส่คีย์เวิร์ดครบ 50 คำตามโควตา ควรจะแยกคำออกเป็นคำๆ จะดีกว่า เพราะเว็บบางเว็บ เช่น Bigstock จะเอาคำที่เราใส่เป็นกลุ่มคำ ไปแยกออกเป็นคีย์เวิร์ดแต่ละคำไม่ติดกัน เช่น เราใส่ว่า do it youself ระบบของบิ๊กสต็อกจะเอาไปแยกเป็น do, it, yourself ทำให้เราได้คีย์เวิร์ดเพิ่ม ถ้าเราใส่ครบโควตารวมทั้งกลุ่มคำ เวลาแยกแล้วเราจะได้คีย์เวิร์ดเกิน 50 คำ ทำให้ submit ไม่ผ่านครับ ต้องเสียเวลามาเอาออกอีก ดังนั้น ใส่แยกไว้แต่แรกเลยจะดีกว่าถ้าเรามีสไตล์ที่ชอบใส่คีย์เวิร์ดครบโควตาตั้งแต่แรก
- Title (หมายถึง Caption ใน Lightroom นะครับ โปรแกรมอื่นอาจจะเรียกต่างออกไป ลองเทียบกันดูก่อนนะครับ) เป็นสิ่งที่บางเว็บไม่ได้เอาไปใช้ เช่น Shutterstock ไม่ใช่ข้อมูลนี้ แต่เราต้องใส่ เพราะบางเว็บต้องใช้ วิธีการใส่คือ ให้เขียนข้อความสั้นๆ พอได้ใจความ แต่รวมแล้วไม่เกิน 50 ตัวอักษรเท่านั้น เนื่องจากบางเว็บเช่น Pixtastock จะไม่ยอมรับ Title ที่เขียนเกิน 50 ตัวอักษร ดังนั้น ใส่ไว้ไม่เกินนี้ จะทำให้เราส่งได้ทุกเว็บครับ
- Caption (หมายถึง Caption ใน Lightroom นะครับ โปรแกรมอื่นอาจจะเรียกต่างออกไป เช่น เรียกว่า Description ลองเทียบกันดูก่อนนะครับ) อันนี้เวลาไปอยู่ใน Shutterstock มันก็คือสิ่งที่เขาเรียกว่า Title (อันนี้จะงงๆ นิดหน่อยนะครับค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไปครับ เดี๋ยวก็ชิน) ตัวนี้เรามีโควตาอยู่ 200 ตัวอักษร ก็ใส่ตามปกติที่แนะนำไว้ด้านบนครับ ไม่เกินสองร้อยตัวอักษรส่งได้ทุกเว็บครับ
สนใจเรียนเพิ่มเติมการใส่คีย์เวิร์ดและไตเติ้ลที่ละเอียดประสิทธิภาพสูง
ช่วยเพิ่มโอกาสการขาย เทคนิค เคล็ดลับมากมายระดับมืออาชีพ
เรียนคอร์สออนไลน์สอนโดย อ.สุระ นวลประดิษฐ์
สอบถามปัญหา ขอเข้ากลุ่มนี้ได้ครับ https://www.facebook.com/groups/548205479468233/
ติดตามเพจอัปเดทความรู้ต่าง ๆ เชิญกด Like และติดตามเพจ https://www.facebook.com/Stockphotothailand/
เข้าร่วมกลุ่มถ่ายภาพ Stock แบบทริป https://www.facebook.com/groups/487844202038091/