ในบรรดาภาพทั้งหลายที่ขายกันในอยู่ในไมโครสต็อกนั้น มีอยู่หลายแนวที่จัดอยู่ในกลุ่มภายขายดี หนึ่งในนั้นก็คือภาพที่มี “คน” หรือ “People” เข้าไปเกี่ยวข้องหรือปรากฏอยู่ในภาพ ไม่ว่าจะปรากฏอยู่ชัดๆ ในฐานะองค์ประกอบหลักของภาพ หรือเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพก็ตาม ไม่ว่าเนื้อหาหลักของภาพจะออกเป็นแนวไหน ถ้าลองมีภาพคนเข้าไปประกอบอยู่ด้วย ภาพนั้นก็จะขายดี (หรืออย่างน้อยก็มีโอกาสขายได้) มากเกินหน้าเกินหน้าตาภาพทั่วไปอยู่พอสมควร
ภาพสต็อกมีส่วนคล้ายๆ กับภาพทั่วไปในเรื่อง “คน” อยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถ้ามีคนปรากฏอยู่ในภาพด้วย ไม่ว่ามีขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ เป็นองค์ประกอบหลัก องค์ประกอบรองในภาพก็ตาม ภาพคนก็จะกลายเป็นจุดสนใจหลักในภาพนั้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้ภาพดูน่าสนใจมากขึ้นโดยอัตโนมัติ สมมติว่า ในภาพภาพหนึ่ง มีภูเขาขนาดใหญ่ยักษ์กินพื้นที่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของภาพ มีภาพคนปรากฏอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งเล็กนิดเดียว ผู้ดูภาพก็มักจะให้ความสนใจกับคนที่ปรากฏในภาพมากพอๆ กับภูเขาเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกลับเป็นต้นไม้สักต้น หรือวัตถุอย่างอื่นในขนาดพอๆ กัน โดยทั่วไปแล้วความสนใจต่อสิ่งนั้นจะน้อยลงกว่าภาพคนอย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างใกล้ๆ ตัวคือภาพของผมเองใน Shutterstock ก่อนหน้านี้ภาพยอดนิยมอันดับหนึ่งก็จะเป็นภาพจานดาวเทียมหรือไม่ก็มังกร แต่หลังจากที่ผมถ่ายภาพเด็กชายกำลังถูกคุณหมอฉีดยาส่งไปขาย (เด็กชายในภาพคือลูกชายผมเอง และมือคุณหมอก็คือมือของภรรยาผมเอง ไม่ใช่คุณหมอจริงๆ และสถานที่ก็เป็นในห้องนอนธรรมดาๆ ไม่ใช่ในโรงพยาบาลที่ไหนครับ) ภาพนี้ก็แซงหน้าภาพอื่นๆ ขึ้นมากเป็นภาพยอดนิยมอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว มีดาวน์โหลดบ่อยครั้ง เรียกว่า แทบทุกวันก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ภาพคนนั้นขายดีจริงๆ แม้จะถ่ายกันเล่นๆ ภายในครอบครัว และตอนที่ถ่ายนั้นก็ใช้แฟลชแมนนวลเก่าๆ หนึ่งตัวที่ตกทอดมาจากยุคฟิล์ม (540EZ) กับแฟลชจีนตัวเล็กๆ ราคาสองพันนิดๆ อีกตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
การถ่ายภาพสต็อกที่มีคนปรากฏอยู่ในภาพนั้น แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำให้ภาพมีโอกาสขายดีมากขึ้น แต่การถ่ายภาพคนก็มีขั้นตอนพิเศษเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในขั้นตอนการส่งภาพ คือไมโครสต็อกทุกแห่ง จะต้องการสิ่งที่เรียกว่า “ใบอนุญาตของตัวแบบ” หรือ Model Release แนบไปกับภาพด้วยทุกครั้ง หลายๆ ท่านที่ถ่ายภาพสต็อกมาสักระยะ หรือเคยอ่านหนังสือที่ผมเขียน ก็อาจจะรู้จักมักคุ้นกับคำว่า Model Release หรือที่ช่างภาพสต็อกชอบเรียกกันว่า MR นี้บ้างแล้ว ในตอนนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้กันแบบลงลึกในรายละเอียด เพื่อว่าเวลาไปไหนมาไหน เวลาถ่ายภาพที่มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องไปภาพ จะได้ไม่ต้องสงสัยว่า ภาพแบบใดต้องใช้ MR หรือไม่ต้องใช้ เนื้อหาของบทความนี้รวมทั้งภาพประกอบ เรียบเรียงและอ้างอิงจากบทความใน iStockPhoto ที่ชื่อ iStockPhoto Photography Standard Part Three: Model Releases โดย THEPRINT&SIRIMO ซึ่งสามารถนำไปใช้กับไมโครสต็อกอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน
Model Release เป็นใบอนุญาตที่ตัวแบบลงลายมือชื่อในเอกสารเป็นการยืนยันว่า ในขณะที่ถ่ายภาพนั้น ตัวแบบที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้น ยินยอมหรืออนุญาตให้ช่างภาพสามารถใช้งานและ/หรือขายภาพนั้นได้โดยไม่มีการ เรียกค่าชดเชยใดๆ ในภายหลัง ใบอนุญาตนี้จะเป็นสิ่งที่ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับช่างภาพ กับตัวแบบเอง กับไมโครสต็อกที่เป็นตัวแทนขายภาพ และกับลูกค้าผู้ที่นำภาพไปใช้งาน แม้ว่าคุณถ่ายภาพตัวคุณเอง ก็จะต้องมีการแนบ MR ที่คุณเซ็นยินยอมด้วยตัวเองเช่นกัน และถ้าหากว่าภาพนั้นเป็นภาพของบุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี ผู้ที่จะเซ็นชื่อใน MR ก็ต้องเป็นพ่อหรือแม่ หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย รวมไปถึงคนพิการ หรือคนที่ศาลตัดสินหรือพิพากษาให้เป็นคนที่ต้องมีผู้ปกครองหรือดูแลตาม กฏหมายก็ต้องให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้เซ็นชื่อแทน
กรณีใดบ้างที่เราภาพของเราต้องการมีการใช้ Model Release
ตามความเข้าใจโดยทั่วไป จะต้องใช้ MR ในกรณีที่ในภาพนั้นปรากฏภาพของใบหน้าตัวแบบชนิดเห็นชัดเจน และสามารถระบุได้ว่าผู้ที่อยู่ในภาพถ่ายนั้นเป็นใคร แต่ภาพที่ถ่ายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ภาพโคลสอัพของริมฝีปาก ไม่ต้องใช้ MR นั่นคือหลักการเบื้องต้น แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีเราก็สามารถจะรู้ได้ว่า บุคคลในภาพเป็นใคร แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าของเขาหรือเธอปรากฏอยู่ในภาพเลยก็ตาม รอยแผลเป็น รอยสัก เป็นต้น เป็นสิ่งที่อาจจะใช้ระบุตัวของบุคคลได้ หรือในบางครั้ง เวลา สถานที่ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ก็สามารถที่จะทำให้ผู้เห็นภาพสามารถรู้หรือระบุได้โดยทั่วไปว่าบุคคลหรือ ส่วนต่าง ๆ ของบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นเป็นใคร ลักษณะดังกล่าวนั้น เป็นภาพที่ต้องใช้ MR เช่นเดียวกับภาพที่มองเห็นใบหน้าชัดเจนเช่นกัน ศัพท์ทางเทคนิคที่ iStockPhoto ใช้เรียกสำหรับลักษณะดังที่ว่ามาคือ Contextual Release หรือ ใบอนุญาตสำหรับลักษณะแวดล้อม ซึ่งก็คือ MR ที่จำเป็นต้องใช้เมื่อบริบทของภาพ ทำให้บุคคลหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบุคคลในภาพนั้น เป็นที่จดจำหรือถูกระบุตัวตนได้ ว่าเป็นใคร ไม่จะไม่ต้องปรากฏหรือมองเห็นใบหน้าของตัวแบบนั่นเอง
ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือว่า ลองถามตัวเองว่า ใครก็ตามที่ดูภาพแล้ว (ยกเว้นตัวนายแบบหรือนางแบบเอง) จะสามารถจดจำหรือระบุได้หรือไม่ว่า บุคคลหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบุคคลนั้นเป็นใคร ไม่ว่าจะมีปรากฏอยู่ในภาพมากน้อยเพียงใด ถ้าคุณมีแนวโน้มจะสรุปว่า จดจำหรือระบุตัวเขาหรือเธอได้ นั่นก็แปลว่า จะต้องใช้ Model Release
เพื่อให้ความคลุมเครือหรือสงสัยในเรื่อง “บริบท” หรือ “ลักษณะแวดล้อม” ที่ต้องใช้ MR มีความชัดเจนขึ้น ขอยกตัวอย่างด้วยภาพประกอบ ซึ่งจะประกอบด้วยภาพสองกลุ่มหลักๆ คือ ภาพที่เห็นได้ชัดว่า ตัวแบบตั้งใจหรือยินยอมให้ถ่ายอย่างเปิดเผย กับภาพที่ตัวแบบอยู่ในลักษณะถูกถ่ายโดยไม่อยู่ตัวหรือถ่ายในที่สาธารณะ ดังต่อไปนี้
กลุ่มแรก เป็นภาพที่ถ่ายโดยดูแล้วเห็นชัดว่า ตัวแบบยินยอมให้ถ่ายภาพอย่างเปิดเผย
ภาพนี้ต้องใช้ MR แม้ว่าตัวแบบจะปิดหน้าของตัวเองไว้ แต่โดยทั่วไปก็ยังมองเห็นส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้มากพอที่จะจดจำได้ว่า บุคคลที่อยู่ในภาพเป็นใคร
ภาพนี้ต้องใช้ MR เนื่องจากรอยสักทำให้สามารถระบุได้ว่าบุคคลในภาพเป็นใคร
ภาพนี้ต้องใช้ MR ภาพเงาดำลักษณะนี้ แม้ว่าจะไม่ปรากฏรายละเอียดบนใบหน้า แต่เค้าโครงหน้าของตัวแบบที่เป็นองค์ประกอบหลักของภาพ
ก็ยังคงมีลักษณะที่สามารถระบุได้ง่ายว่าบุคคลนี้เป็นใคร
ภาพนี้ต้องใช้ MR ตัวของนักไวโอลินอาจจะดูแล้วระบุได้ยากว่าเป็นใคร เพราะภาพนี้ไม่ได้เปิดเผยใบหน้าของเธออย่างชัดแจ้ง สถานที่ในภาพก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นสถานที่ใด และวัตถุหลักในภาพก็ดูจะเป็นไวโอลินเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ภาพนี้มีเหตุผลสำคัญที่สุดต้องทำให้ต้องใช้ MR ก็คือ ดูแล้วเป็นภาพที่มีการจงใจจัดท่าทางในการถ่าย หรือที่เรียกกันว่า มีการโพสท่านั่นเอง ซึ่งการโพสท่าถ่ายภาพในลักษณะนี้ ถือเป็นการแสดงอย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องใช้ Model Relase
กลุ่มที่สองคือ ตัวแบบอยู่ในลักษณะที่อาจจะไม่รู้ตัวว่าถูกถ่ายภาพ หรือภาพที่ถ่ายในที่สาธารณะทั่วไป
เหตุผลที่สำคัญข้อหนึ่งในการที่ไมโครสต็อกต้องการให้ช่างภาพใช้ MR ในภาพที่สามารถระบุตัวแบบได้จากลักษณะแวดล้อมที่ปรากฏในภาพก็คือ เป็นการป้องกันบุคคลที่ไม่รู้ตัวว่าถูกถ่ายภาพ ไม่ให้ถูกนำภาพไปเป็นแบบในเชิงพาณิชย์โดยที่พวกเขาไม่ยินยอม การถ่ายภาพใครก็ตามในที่สาธารณะ แน่นอนว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่การนำภาพบุคคลที่ถ่ายโดยถูกต้องตามกฎหมายที่ว่านั้นไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง การนำภาพไปใช้ในกรณีดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเงินที่นายแบบหรือนางแบบจะได้รับเพียงแต่ อย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงความชอบ ความไม่ชอบ ความต้องการ ไม่ต้องการที่พวกเขาจะปรากฏหรือเปิดเผยตัวในที่ต่าง ๆ อันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ควรได้รับการเคารพอีกด้วย iStockphoto ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในระดับสูงสุด (และไมโครสต็อกทั่วไปก็ยึดถือในทำนองเดียวกัน เพียงแต่อาจจะเข้มงวดน้อยกว่า iStockphoto เล็กน้อย ดังนั้น มาตรฐานของ iStockphoto จึงสามารถนำไปใช้ได้กับไมโครสต็อกอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน และโดยทั่วไป ที่นี่ก็เป็นเป้าหมายสำคัญของนักถ่ายภาพสต็อกอยู่แล้ว ดังนั้น การเตรียมตัวสำหรับภาพประเภทขายดีที่สุด และไมโครสต็อกที่ได้ชื่อว่า ขายภาพได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน)
สำหรับภาพประเภทที่อยู่ในลักษณะนี้ มีข้อควรพิจารณาก็คือว่า แม้จะไม่สามารถเห็นหน้าหรือระบุตัวแบบจากลักษณะแวดล้อมได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากว่าตัวแบบที่ปรากฏในภาพนั้น ถูกพิจารณาว่า เป็นองค์ประกอบหลัก หรือวัตถุหลัก (Main Subject) ของภาพ ภาพนั้นก็ต้องใช้ Model Release ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ภาพนี้ต้องใช้ MR เนื่องจากตัวแบบเป็นหนึ่งใน Main Subject ของภาพอย่างชัดเจน และลักษณะแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา และสถานที่ที่ตัวแบบยืนอยู่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สามารถใช้ในการระบุหรือจดจำตัวบุคคลในภาพได้ แม้จะมองไม่เห็นส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าเลยก็ตาม
ภาพนี้ต้องใช้ MR แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าของเด็กชัดเจน รวมทั้งสภาพแวดล้อมด้านสถานที่และท่าทางต่าง ๆ ก็ไม่จัดอยู่ในลักษณะที่ต้องใช้ MR แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เด็กที่อยู่ในภาพนี้ ถือเป็น Main Subject ของภาพ จึงต้องใช้ MR
ภาพนี้ต้องใช้ MR แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของตัวแบบชัดเจนพอที่จะระบุได้เป็นรายคนว่า บุคคลในภาพเป็นใครบ้าง แต่เมื่อภาพของคนสองคนที่เป็น Main Subject มารวมกัน อีกทั้งสถานที่และลักษณะแวดล้อมอื่น ๆ เมื่อประกอบกันเป็นภาพโดยรวมแล้ว สามารถระบุได้ว่า บุคคลในภาพนี้เป็นใคร ดังนั้น จึงต้องใช้ MR
ข้อยกเว้นสำหรับการพิจารณาภาพในลักษณะดังกล่าวนั้นก็คือ หากว่าไม่เห็นใบหน้า และไม่มีลักษณะเฉพาะตัวใด ๆ เป็นพิเศษ เครื่องแบบหรือเครื่องแต่งกาย “ทั่วไป” จะไม่ถือว่าใช้ระบุตัวของบุคคลในภาพได้ เช่น ผู้หญิงใส่ชุดพยาบาลสีขาวและหมวกซึ่งเป็นชุดพยาบาลมาตรฐานทั่วไป ซึ่งพยาบาลที่ไหน ๆ ก็ใส่ชุดแบบนี้ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ชายที่มองไม่เห็นใบหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำถือกระเป๋าเอกสาร ซึ่งถือว่าเป็นชุดมาตรฐานของพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป ถ้าว่าปรากฏในภาพโดยไม่มีลักษณะแวดล้อมเฉพาะตัวอย่างอื่นเข้ามาประกอบด้วย ก็ถือว่า ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นใครได้จากเครื่องแต่งกาย “ทั่วไป” ดังกล่าวนั้น อีกกรณีหนึ่งที่ถือว่าไม่สามารถระบุตัวตนได้ก็คือ บุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะ “เบลอ” หรือเป็น “โบเก้ (ภาพที่อยู่นอกระยะชัดในการถ่ายภาพระยะใกล้ ส่วนใหญ่จะเป็นวงๆ)” ก็ไม่ต้องใช้ MR และโดยทั่วไปแล้ว บุคคลที่ปรากฏอยู่ใน Background หรือฉากหลังของภาพ (ในฐานะวัตถุประกอบหรือวัตถุรอง) หากว่าสวมใส่เครื่องแต่งกายทั่ว ๆ ไปและไม่มีหรือมีแสดงออกถึงลักษณะพิเศษเฉพาะใดๆ ก็ไม่ต้องมีการใช้ MR
ภาพนี้ไม่ต้องใช้ MR แม้ว่าภาพคนขี่จักรยานในภาพ จะพิจารณาได้ว่าเป็น Main Subject ของภาพ แต่อยู่ในลักษณะที่เกือบจะเป็น “เงาดำ” (ไม่มีลักษณะเฉพาะตัวอื่นใดเป็นพิเศษ) และการเล่นวินเซิร์ฟก็เป็นกิจกรรม “ทั่วไป” ที่ไม่ถือเป็นลักษณะแวดล้อมเฉพาะหรือพิเศษมากพอที่จะต้องใช้ MR
ภาพนี้ต้องใช้ Model Release แม้ว่าฝูงชนที่อยู่ในฉากหลังของภาพจะดูเหมือนไกลพอที่จะไม่ต้องการ MR สำหรับพวกเขาเหล่านั้น แต่ลักษณะของดีเจผู้เปิดเพลง ไม่ว่าจะเป็นลายเสื้อที่ใส่ อุปกรณ์ที่ใช้อยู่ ลักษณะอาชีพที่ทำอยู่ ลักษณะของสถานที่โดยรวม ก็สามารถนำมาประกอบกันแล้ว ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่า บุคคลที่ปรากฏในภาพเป็นใคร
นี่เป็นภาพที่ประกอบด้วยคนจำนวนมาก แต่ไม่ต้องการ MR ใด ๆ เลย ทุก ๆ สิ่งในภาพมีลักษณะ “ทั่วไป” ดูแบบปกติไม่มีอะไรที่บอกว่าเป็นการโพสโดยจงใจ หรือถ่ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในที่สาธารณะ ไม่มีใบหน้าหรือรอยสัก แผลเป็น หรือลักษณะใดๆ ที่เป็นพิเศษพอจะระบุตัวตนของบุคคลในภาพได้ จึงไม่ต้องการ MR แต่ถ้าจะให้มั่นใจมากขึ้นไปอีก เวลาบรรยายภาพ ให้เราบรรยายในทำนองว่า เป็นภาพของกลุ่มคน โดยไม่ต้องระบุเหตุการณ์ หรือสถานที่ที่เราถ่ายภาพมา เท่านี้ ภาพนี้ก็จะมีลักษณะ “ทั่วไป” อย่างสมบูรณ์แบบ
ภาพนี้ต้องใช้ MR แม้ว่าใบหน้าของตัวแบบจะมีลักษณะ “เบลอ” อยู่ด้านหลัง
แต่โดยทั่วไปก็ถือว่ายังสามารถระบุหรือรู้ได้อย่างไม่ยากนักว่าตัวแบบนั้นเป็นใคร ดังนั้น จึงต้องใช้ MR
หลักเกณฑ์ในการต้องใช้หรือไม่ต้องใช้ MR นั้น บางครั้งก็มีความสับสนอยู่ไม่น้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบทความนี้จึงต้องมีตัวอย่างหลายๆ แบบ ในทางปฏิบัติแล้ว การขอให้ตัวแบบเซ็น MR เอาไว้ก่อนในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าจะต้องใช้หรือไม่ต้องใช้นั้นเป็นวิธีที่ถูก ต้อง แม้จะทำให้ดูเสียเวลาและยุ่งยากไปบ้าง แต่ก็เป็นการปลอดภัยไว้ก่อน เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้เตรียมไว้ เมื่อมีการเรียกหา MR ขึ้นมา อาจจะทำให้ช่างภาพเสียโอกาสในการขายภาพนั้นไปก็ได้
โปรดระลึกไว้เสมอว่า Model Release จะช่วยปกป้องตัวคุณและตัวแบบของคุณจากปัญหาทางกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับช่างภาพแนวสต็อก หากคุณวางแผนจะถ่ายภาพใครสักคนล่วงหน้า วิธีการที่ถูกต้องก็คือ ส่งเอกสาร MR ไปให้เขาหรือเธออ่านและทำความเข้าใจล่วงหน้าก่อน เผื่อว่ามีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ คุณจะได้อธิบายได้ให้เข้าใจอย่างชัดเจนก่อนจะมีการเซ็นชื่อลงไป และคุณเองก็จะต้องทำความเข้าใจให้ดีถึงรายละเอียดต่างๆ ของเอกสาร MR เพื่อจะได้อธิบายให้ตัวแบบของคุณเข้าใจอย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่แล้วตัวแบบมักจะกังวลว่า ภาพของตนเองอาจจะถูกนำไปใช้ในทางเสียหาย เช่น นำไปตัดต่อหรือตกแต่งในทางไม่เหมาะสม หรือใช้ในทางที่ขัดแย้งกับสถานะหรือความเชื่อของตนเอง เช่น ภาพของบุคคลหญิงสาวกำลังอยู่ในสปา อาจจะถูกนำไปตัดต่อส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เพื่อนำไปโฆษณาธุรกิจที่เกี่ยวข้องการการบริการทางเพศ เป็นต้น
ช่างภาพจะต้องอธิบายให้ตัวแบบเข้าใจว่า การนำภาพไปใช้นั้น ไม่ใช่ว่าลูกค้าซื้อไปแล้วจะให้ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ไมโครสต็อกมีหลักเกณฑ์แจ้งแก่ลูกค้าอย่างชัดเจนว่า การนำภาพบุคคลไปใช้งานนั้น จะต้องใช้ในทางที่ไม่ทำให้ตัวแบบได้รับความเสียหายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมทั้งขัดแย้งกับความเชื่อในทางใดทางหนึ่ง เป็นต้น จะเป็นการดีมากหากช่างภาพได้ศึกษารายละเอียดเรื่อง License ประเภทต่างๆ ที่ไมโครสต็อกอนุญาตแก่ลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้สามารถอธิบายทำความเข้าใจกับตัวแบบได้ง่ายขึ้น การได้รับลายเซ็นอนุญาตใน MR ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ
ต้องใช้ MR ภาพที่ถ่ายสตูดิโอ ไม่ใช่ภาพประเภทบังเอิญในพบเห็นในที่สาธารณะแล้วถ่ายภาพไว้ แต่เป็นภาพที่มีการจัดแสงจัดฉากจัดท่าทางในการถ่าย จะต้องใช้ MR ยิ่งถ้าภาพที่มีความเป็นนู้ดเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเช่นภาพนี้ ต่อให้ไม่เห็นหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ยังคงต้องใช้ MR ครับ
ภาพนี้ต้องใช้ MR อย่างไม่ต้องสงสัย ตามตัวอย่างก่อนหน้านี้ มีทั้งความเป็น “นู้ด” มีทั้งเห็นรอยสัก
และเป็นภาพที่ดูแล้วมีการจัดท่าทางหรือ “โพส” ถ่ายในสตูดิโอ จึงต้องใช้ MR อย่างแน่นอน
ถ้าคุณถ่ายภาพคนอยู่บ่อยครั้งและส่งภาพประเภทนี้ไปขายในไมโครสต็อกเป็นประจำ คุณควรจะให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมและจัดการเรื่อง MR เป็นหนึ่งในเรื่องหลักของงานที่จะทำ สำหรับการส่งภาพคนไปยัง iStockphoto แม้ว่าคุณจะถ่ายภาพตัวแบบคนเดิมซ้ำหลายๆ ครั้ง แต่ภาพชุดที่ต่างวันเวลากัน (ทิ้งระยะเกิน 15 วัน) ก็ต้องมีการเซ็น MR ใหม่ แม้ว่าไมโครสต็อกอื่นๆ จะไม่จำเป็นต้องให้ตัวแบบเซ็นเอกสารนี้บ่อยๆ แต่ถ้าคิดว่าจะส่งภาพบุคคลดังที่ว่ามา ไปขายยัง iStockphoto ก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องนี้เอาไว้ด้วยมาตรฐานและรายละเอียดดังที่กล่าวมา ข้างต้น
ภาพนี้ต้องการ MR แม้ว่าจะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าของตัวแบบเอาไว้จนมองไม่เห็นเลยแต่ถ้าใช้หลัก การตามตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นทั้งหมด ภาพนี้ต้องการ MR เพราะว่า เป็นภาพที่ถ่ายในสตูดิโอซึ่งมีการ “โพสท่า” มีการ “จัดแสง” หน้ากากที่ตัวแบบสวมอยู่นั้นก็เป็นหน้ากากที่ไม่ใช่หน้ากาก “ทั่วไป” แต่ถือเป็นหนึ่งในวัตถุที่เป็น “ลักษณะแวดล้อม” ซึ่งจะใช้ระบุได้ในภายหลังว่าตัวแบบเป็นใคร ภาพนี้จะต้องใช้ MR แนบไปด้วยเท่านั้น ภาพจึงจะครบองค์ประกอบที่จะได้รับการพิจารณา
ภาพนี้ต้องการ MR แม้ว่าชายคนนี้จะอยู่ในเครื่องแต่งกายที่เป็นกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาว ธรรมดาๆ และมองไม่เห็นใบหน้า ภาพนี้ไม่ได้ถ่ายในสตูดิโอ ไม่ได้ถ่ายจากด้านหน้า ท่าทางการโยนโบวลิ่งก็เป็นท่าทางปกติที่ใครๆ ก็โยนกันในท่านี้ ดูเผินๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ MR แต่ภาพนี้ต้องใช้ MR ด้วยเหตุผลสำคัญสองอย่างคือ สถานที่ในภาพนี้เป็นสถานที่เฉพาะอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะลวดลายที่ใช้ตกแต่งผนังนั้นเป็นลวดลาย “เฉพาะ” ที่สามารถระบุได้ว่า เป็นโรงโบวลิ่งแห่งใด ซึ่งในกรณีมีปัญหาทางกฏหมาย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้การระบุตัวของแบบทำได้ไม่ยาก และเหตุผลที่สำคัญที่สุดของภาพนี้ก็คือ อย่าลืมว่า ตัวแบบเป็น Main Subject ของภาพนี้ ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลักที่ต้องใช้ MR อย่างแน่นอน
เมื่อใดบ้างที่ “อาจจะ” ต้องใช้ Model Release (คำว่า “อาจจะ” นี้หมายความว่า ช่างภาพควรจะให้ตัวแบบเซ็น MR ไว้ก่อนจะปลอดภัยที่สุด เผื่อในกรณีที่มีการขอจากไมโครสต็อก เราจะได้มีส่งไปให้)
1. หากว่าตัวแบบเป็นองค์ประกอบหลัก หรือ Main Subject ของภาพ
2. หากว่าตัวแบบเป็นองค์ประกอบรอง หรือ Secondary Subject ของภาพ ซึ่งยังคงดูแล้วมีความสำคัญต่อเนื้อหาของภาพโดยรวม
3. หากว่าตัวแบบกำลังทำท่าทางใด ๆ ซึ่งไม่ใช่การแสดงท่าทาง “ทั่วไป” ที่บุคคลแสดงออกในที่สาธารณะและในชีวิตประจำวัน เช่น นุ่งผ้าเช็ดตัวซึ่งดูคล้ายกำลังจะ อาบน้ำ หรือกำลังเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้ม เป็นต้น
เมื่อใดบ้างที่เป็นภาคบังคับว่า “จะต้อง” ใช้ MR แนบไปกับภาพทุกครั้ง
1. เมื่อเห็นหน้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าซึ่งสามารถจดจำได้ว่า ตัวแบบนั้นเป็นใคร
2. เมื่อมองเห็น “เอกลักษณ์” อย่างใดอย่างหนึ่งของตัวแบบ เช่น รอยสัก แผลเป็น หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเหมือนออกแบบหรือมีลวดลายพิเศษแตกต่างจากเสื้อผ้า ทั่วไป เป็นต้น
3. เมื่อภาพนั้นดูเหมือนเป็นการตั้งใจ “โพสท่า” ให้ถ่ายภาพเป็นการเฉพาะ หรือมีลักษณะที่พิจารณาได้ว่าเป็นภาพ “นู้ด” ไม่ว่าจะมากหรือน้อย
4. เมื่อลักษณะสภาพแวดล้อมต่างๆ ในภาพ (เช่น สถานที่, เหตุการณ์ เป็นต้น) ดูรวมแล้ว สามารถทำให้ตัวแบบสามารถระบุได้ง่าย ๆ ว่า บุคคลหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบุคคลที่ปรากฏในภาพนั้น คือตัวเขาหรือเธอเอง
5. เมื่อถ่ายภาพในขณะตัวแบบมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกีฬาหรือกิจกรรมใน ระดับ “อาชีพ” หรือ “กึ่งอาชีพ” (ที่มีการจัดการแข่งขันหรือจัดสถานที่อย่างจำเพาะเจาะจง) เช่น การแข่งขันจักรยานยนต์วิบาก การแข่งขันบาสเก็ตบอล เป็นต้น
กฏทั่วไปที่สำคัญที่สุดสองข้อสำหรับ Model Release
1. แนบ MR ไปกับภาพเสมอทุกครั้งเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ มันจะดีสำหรับตัวคุณเองและทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับภาพของคุณ ในกรณีที่สงสัยหรือหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ภาพนั้นต้องใช้ MR หรือไม่ การขอให้ตัวแบบเซ็นเอกสารและส่งไปด้วยเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าแนบไปแล้ว แต่ไมโครสต็อกไม่ต้องการใช้ ก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด ภาพยังคงได้รับการตรวจตามปกติ แต่ถ้าไมโครสต็อกพิจารณาว่าต้องการใช้ แต่ไม่มีการแนบไปด้วย อันนี้ถือว่า ผิดกติกา คุณจะเสียโอกาสในการที่ภาพจะถูกพิจารณาแน่นอน
2. อย่าใช้วิธีการแบบ “ศรีธนญชัย” กับไมโครสต็อกเป็นอันขาด เช่น คุณถ่ายภาพบุคคลในลักษณะที่คุณรู้ดีว่าต้องใช้ MR แต่คุณไม่ได้ให้ตัวแบบเซ็นเอกสารนี้ และคุณจัดการตัดส่วน (Crop) หรือดัดแปลงสิ่งต่างๆ ในภาพเพื่อให้เข้าลักษณะที่ไม่ต้องใช้ MR แล้วส่งไปขายในไมโครสต็อก ผลที่ได้รับ อาจจะไม่คุ้มค่าด้วยประการทั้งปวง
Model Release ที่เป็นตัวแบบในภาพเป็นตัวเรา คือช่างภาพเอง ถ่ายตัวเอง หรือให้บุคคลอื่นถ่ายให้โดยการจ้าง หรือใช้ หรือขอความช่วยเหลือ ที่โดยพฤตินัยและนิตินัย ผู้กดชัตเตอร์ไม่อยู่ในฐานะที่อ้างสิทธิในภาพได้ เช่น กล้องเรา ชุดไฟเรา สถานที่เรา ความคิดของเรา เป็นต้น ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของตัวเราเอง ส่งได้ภายในเงื่อนไขโมเดลรีลิสข้างต้นครับ
ดาวน์โหลด Model Release แบบ Universal ใช้ได้ทุกเว็บได้ที่นี่
เครดิตเนื้อหาบทความแก่ iStockphoto.com ต้นฉบับ http://www.istockphoto.com/article_view.php?ID=648
ถอดความเป็นภาษาไทยเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ Model Release แก่ผู้สนใจขายภาพออนไลน์
สอบถามปัญหา ขอเข้ากลุ่มนี้ได้ครับ https://www.facebook.com/groups/548205479468233/
ติดตามเพจอัปเดทความรู้ต่าง ๆ เชิญกด Like และติดตามเพจ https://www.facebook.com/Stockphotothailand/
เข้าร่วมกลุ่มถ่ายภาพ Stock แบบทริป https://www.facebook.com/groups/487844202038091/