การเริ่มต้นเป็นนักถ่ายภาพของแต่ละคน มีที่มาไม่เหมือนกัน บางคนมีโอกาสจับกล้องมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำให้รู้สึกชอบการถ่ายภาพ บางคนนึกชอบขึ้นมาภายหลังก็ซื้อกล้องหัดถ่ายภาพเลย ผมเองเริ่มต้นการเป็นนักถ่ายภาพแตกต่างจากสองประเภทที่กล่าวมาคือ เริ่มต้นรู้สึกชอบการถ่ายภาพมานานหลายปี กว่าจะได้กดชัตเตอร์บันทึกภาพแรกในชีวิต ก่อนจะได้สัมผัสกล้อง SLR ตัวเป็นๆ นั้น ผมพยายามเสาะหาหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพมาอ่าน จำนวนมากเท่าที่จะหาได้ในสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ต่างจังหวัด อ่านเรื่องดูภาพไปเรื่อยๆ ในจำนวนหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพที่ผมเคยอ่านนั้น มีอยู่เล่มหนึ่งที่ได้อ่านเมื่อประมาณก่อนปีพ.ศ.2530
ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้ จำได้แต่ชื่อคนเขียนคือ ทอม เชื้อวิวัฒน์ เป็นหนังสือขนาดพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มไม่ใหญ่มาก มีภาพสวยๆ ประกอบอยู่หลายภาพ มีอยู่ภาพหนึ่งเป็นภาพที่ผมเห็นแล้วทึ่งตรึงตาตรึงใจมากมาจนทุกวันนี้ เป็นภาพเครนก่อสร้างขนาดใหญ่มีสายสลิงห้อยลงมาจากด้านบนสุดของเครน ที่ปลายสายสลิงมีส่วนที่น่าจะเป็นหัวจับไว้จับยึดวัตถุต่างๆ ภาพนี้ถ่ายในเวลาเย็นดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เห็นเป็นดวงกลมสีส้มทั้งดวง คุณทอมจัดองค์ประกอบให้ขอบของหัวจับวัตถุที่ปลายของลวดสลิงมาแตะกับขอบดวงอาทิตย์พอดี ทำให้ดูเหมือนเครนนั้นกลายเป็นโคมไฟขนาดใหญ่ ดูสวยงามน่าประทับใจมากสำหรับคนชอบถ่ายภาพที่ไม่เคยจับกล้องถ่ายภาพอย่างผม ต่อมาภายหลังเมื่อได้ถ่ายภาพเป็นเรื่องเป็นราว ถ้ามีโอกาส ภาพของคุณทอมภาพนั้นก็ยังเป็นต้นแบบให้ผมนำมาดัดแปลงถ่ายภาพของตัวเองเสมอ ผมเพิ่งมาอ่านเจอทีหลังว่า ภาพลักษณะนั้นเป็นการถ่ายภาพในรูปแบบจับจังหวะเวลาหรือ Timing Photography
ลักษะภาพแนว Timing ของผมที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาพของคุณทอม เชื้อวิวัฒน์ที่ได้เห็นเมื่อกว่า 20 ปีก่อน
Timing Photography มีความหมายและแนวภาพที่ค่อนข้างกว้าง การถ่ายภาพหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับจังหวะเวลา สามารถนำมาจัดลงในนิยามของการถ่ายภาพประเภทนี้ได้ ที่เราคุ้นตากันดีในยุคปัจจุบันก็น่าจะเป็นภาพแนวๆ ถ่ายเล่นกันสนุกๆ เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้วมีการโพสท่าถ่ายภาพให้ดูเหมือนกำลังกินพระอาทิตย์ ยกก้อนหิน เหยียบตึก เป็นต้น ตัวอย่างเพิ่มเติมก็คือ เป็นภาพประเภทที่ต้องถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่อเนื่อง เกิดขึ้นช่วงเวลาสั้นๆ แล้วเราต้องคอยบันทึกภาพให้ทันในจังหวะเหตุการณ์เกิดขึ้น เช่นฟ้าแลบ เป็นต้น หรือไม่ก็ภาพที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่จะมีจังหวะเวลาเพียงสั้นๆ ในเหตุการณ์นั้น ที่ถ่ายภาพออกมาแล้วให้ความรู้สึกที่ดีที่สุด หรือน่าสนใจที่สุด เช่นภาพการชกมวย จังหวะที่หมัดของนักมวยกระทบหน้าคู่ต่อสู้จนน้ำกระจาย เป็นต้น นอกจากนี้ Timing Photography ยังรวมไปถึงภาพเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้หรือไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อน แต่ถ่ายได้เพราะว่าอยู่ถูกที่ถูกเวลาพอดีเป็นต้น และไม่ใช่เฉพาะแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วๆ เท่านั้นที่จะเป็นภาพประเภทนี้ได้ แม้แต่ภาพที่ถ่ายกันช้าๆ จัดมุมจัดองค์ประกอบกันอย่างละเอียดๆ อย่างภาพของคุณทอมเชื้อวิวัฒน์ ก็จัดเป็น Timing Photography อีกประเภทหนึ่งได้เช่นกัน จะเห็นว่าความหมายของการถ่ายภาพประเภทนี้กว้างมาก
ภาพที่ต้องถ่ายโดยใช้จังหวะที่มีอยู่เพียงเศษส่วนของวินาทีเท่านั้นจัดเป็นภาพ Timing ประเภทหนึ่ง
สำหรับการถ่ายภาพในแนวท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วไปแบบผม Timing Photography หมายถึงการเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม ในการถ่ายภาพวัตถุหรือเหตุการณ์หรือสถานการณ์เป้าหมายให้ออกมาดูดีหรือแตกต่างที่สุด โดยไม่จำกัดเทคนิคการถ่ายภาพ เป็นการถ่ายภาพที่ต้องเลือกสรรองค์ประกอบ รอคอยจังหวะเวลาและปรับแต่งมุมมองในการบันทึกภาพ ไม่ใช่นึกอยากจะถ่ายก็ยกกล้องขึ้นถ่ายเลยหรือว่านึกจะถ่ายเวลาไหนก็ได้
ลองถ่ายภาพแนวนี้ดูแล้วจะพบว่า จังหวะที่ให้ภาพที่ได้ความรู้สึกได้ดีที่สุด
จะมีอยู่เพียงหนึ่งหรือสองวินาทีแรกที่น้ำกาแฟเริ่มไหลลงแก้วเท่านั้น
หลังจากนี้ภาพจะดูไม่น่าสนใจทันที
โดยทั่วไป การถ่ายภาพแนว Timing Photography จะประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างต่อไปนี้ จะเกิดขึ้นทีละอย่าง หรือมีสองอย่างในเวลาเดียวกัน หรือมีเพียงอย่างเดียวก็ได้แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาพร้อมๆ กันคือ สถานที่เหมาะสม เวลาเหมาะสม มุมมองเหมาะสม
สถานที่เหมาะสม (Right Place)
สถานที่บางสถานที่ก็เอื้ออำนวยต่อโอกาสในการได้ภาพแนว Timing มากกว่าสถานที่อื่นๆ เช่น งานเทศกาล งานโชว์การแสดง การแข่งกันกีฬา หรือแม้แต่ในธรรมชาติ การมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ก็ย่อมมีโอกาสได้ถ่ายภาพประเภท Timing มากกว่าสถานที่ที่เรียบๆ หรือมีองค์ประกอบน้อยๆ นักถ่ายภาพต้องเลือกสถานที่ให้เหมาะสม หรือเลือกสถานที่มีคิดว่าน่าจะมีโอกาสได้ภาพ Timing ที่ตัวเองชอบหรืออยากถ่าย แล้วพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานที่นั่นให้ได้
Timing ยังหมายถึงภาพที่จำกัดเวลาที่ถ่ายแล้วจะให้ภาพลงตัวที่สุด
ต้นไม้กลุ่มนี้ถ้าถ่ายหลังจากเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นมาพ้นจากตำแหน่งนี้แล้ว
จะกลายเป็นภาพที่ดูไม่น่าสนใจทันทีเพราะว่าสีของท้องฟ้าจะเปลี่ยนไปเป็นสว่างจ้า
จังหวะเวลาเหมาะสม (Right Time)
เวลาที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพ Timing แต่ละประเภทก็มีความสำคัญไม่น้อย บางเวลาเหมาะสำหรับภาพแบบหนึ่ง แต่ไม่เหมาะสำหรับภาพอีกประเภทหนึ่ง เช่นต้องการถ่ายภาพแอคชั่นมันๆ หรือแปลกๆของนักกีฬากลางแจ้ง ก็ควรเลือกเวลาที่เป็นช่วงกลางวันมีแสงมากเพียงพอกับการใช้ความไวชัตเตอร์สูงๆ สำหรับหยุดการเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้ หรือต้องการถ่ายภาพสร้างสรรค์ที่มีพระอาทิตย์ดวงกลมโตเป็นส่วนประกอบ (เช่นภาพคุณทอมที่ผมยกตัวอย่าง) ก็ต้องเลือกช่วงเวลาใกล้ค่ำ ที่ดวงอาทิตย์มีแสงน้อยสามารถเห็นเป็นดวงกลมๆ ด้วยตาเปล่าได้ ซึ่งนอกจากจะถ่ายภาพได้สวยงามแล้ว ยังไม่เป็นอันตรายกับสายตาอีกต่างหากเป็นต้น
ภาพแนว Timing ที่ลงตัวพอและสื่อสารได้ครบถ้วนโดยไม่ต้องเห็นหน้าตาของตัวแบบครบแต่อย่างใด
พูดถึงการถ่ายภาพกีฬา บางท่านอาจจะคิดว่าภาพ Timing เป็นสิ่งเดียวกับภาพแนว Action ในมุมมองของผม ภาพทั้งสองแนวนี้มีส่วนคล้ายกันบ้างในบางประเด็น แต่ส่วนใหญ่จะมีจุดประสงค์คนละอย่างกันครับ ภาพ Action จะทำหน้าที่เป็นภาพบอกเล่าเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมาทั่วไป แต่ภาพ Timing จะเป็น Action ในจังหวะพิเศษที่แตกต่างหรือน่าสนใจกว่าภาพ Action ธรรมดาทั่วไปในการถ่ายภาพ Action ชุดหนึ่งๆ อาจจะได้เพียงภาพกีฬาที่หยุดนิ่งธรรมดาทั่วไปเป็นร้อยภาพ แต่อาจจะไม่มีภาพแนว Timing เลยสักภาพก็เป็นได้
มุมมองเหมาะสม (Right Angle)
สิ่งที่มักจะชี้เป็นชี้ตายให้กับภาพแนว Timing ได้มากกว่าสองข้อแรกคือ "มุมมองที่เหมาะสม" นี่เองครับ โดยเฉพาะภาพของเหตุการณ์ หรืออุบัติเหตุที่ไม่รู้ หรือไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ไม่ได้เลือกสถานที่ ไม่ได้เลือกช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ก็จะเหลือเพียงมุมมองเท่านั้นที่จะทำให้เกิดภาพ Timing ที่น่าสนใจหรือแปลกแตกต่างได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว สำหรับภาพที่ตั้งใจถ่าย หรือว่ามีการวางแผนล่วงหน้ามุมมองที่เหมาะสม ก็มักจะต้องทำหน้าที่ร่วมกับสถานที่ที่เหมาะสม และเวลาที่เหมาะสม
มุมมองที่เหมาะสม มีความหมายเดียวกับ "ความคิดสร้างสรรค์" บ่อยครั้งที่ช่างภาพได้ภาพที่ดูแตกต่างน่าสนใจกว่าคนอื่นทั้งๆ ที่ถ่ายภาพวัตถุเดียวกัน หรือจากสถานที่เดียวกันก็เป็นผลิตผลมาจาก "มุมมองที่เหมาะสม" นี่แหละครับ ความสามารถในการหามุมมองที่เหมาะสมหรือความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มีกันโดยธรรมชาติทุกคน แต่ข่าวดีคือมันเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนและเรียนรู้ได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นการฝึกบ่อยๆ ก็จะช่วยได้มากในเรื่องนี้
ภาพปกติที่นักถ่ายภาพส่วนใหญ่นิยมถ่ายกันมีความสวยงาม
แต่ก็อาจจะไม่น่าสนใจมากนักเพราะเห็นกันจนชินตาเกินไป
ทิวทัศน์ทั่วๆไปแต่เปลี่ยนมุมมองใส่ลูกเล่นแบบ Timing ลงไปในภาพทำให้ได้ภาพที่ดูแปลกตากว่าเดิม
เทคนิคการถ่ายภาพแนวทิวทัศน์ธรรมชาติและภาพทั่วไปแบบ Timing
อย่างที่บอกไว้เบื้องต้นแล้วนะครับว่า Timing เป็นแนวภาพที่จะเอาไปถ่ายกับภาพประเภทไหนก็ได้แล้วแต่จะสร้างสรรค์ต่อยอดเอา ที่เห็นบ่อยๆก็เล่นจัดฉากถ่ายกันแบบสนุกสนานมันฮาดูน่ารักดี แต่ผมเองเป็นนักถ่ายภาพที่เน้นแนวทิวทัศน์ธรรมชาติสายลมแสงแดดเป็นหลัก ภาพครอบครัวอีกนิดหน่อยไม่ค่อยได้ถ่ายแนวขำขันกับเขาสักเท่าไหร่ ก็ขอเอาเฉพาะเทคนิคการถ่ายภาพ Timing ในแนวนี้มาฝากก็แล้วกันครับ ส่วนแนวอื่นๆก็นำไปประยุกต์ใช้กันตามสะดวกครับ
ภาพ Timing ที่ถ่ายกันแบบช้าๆ ใจเย็นๆ รอจังหวะให้ม้าสองตัวเดินกินหญ้าเข้ามาในตำแหน่ง
ให้ให้องค์ประกอบภาพดูสมส่วนพอดี ก่อนหรือหลังเล็กน้อยก็อาจจะทำให้องค์ประกอบภาพไม่สมดุลได้
ฝึกมุมองแบบนักผสมผสานวัตถุ
การคิดวางแผนล่วงหน้า จะช่วยให้มีโอกาสได้ภาพแนว Timing ที่สมบูรณ์มากขึ้น การผสมผสานที่พูดถึง คือการคิดว่าวัตถุสิ่งนั้นนอกจากเป็นตัวมันเองโดยธรรมชาติที่มันเป็นแล้ว มันยังสามารถเป็นอะไรได้อีก เช่น คุณทอมเอาเครนเป็นโคมไฟ เอาพระอาทิตย์เป็นดวงไฟ อย่างนี้เป็นต้น เป็นการเปลี่ยนหน้าที่ของวัตถุทั้งสองอย่างไปเป็นสิ่งที่เดิมมันไม่ได้เป็น หรือว่าอย่างภาพประภาคารของผมข้างต้น ก็เอาประภาคารเป็นประภาคารเหมือนเดิม แต่เอาดวงอาทิตย์มาเป็นดวงไฟเป็นต้น นี่คือการผสมผสานวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกันพอคิดได้แล้วก็จับมันมาผสมเข้าด้วยกันในช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสม ก็จะได้ภาพที่ดูแปลกตาออกไป
ภาพนี้เป็น Timing ที่ใช้ความไวชัตเตอร์เป็นพระเอก ทดลองถ่ายด้วยค่าต่างๆหลายค่า
จนได้ข้อสรุปที่ 1/1000 วินาที ที่ให้ภาพไม่หยุดนิ่งเกินไป
น้ำบางส่วนดูเป็นเส้นสายหมุนวน ในขณะที่หยดน้ำก็ยังคงความคมชัด
รอคอยอย่างอดทน
อย่างที่กล่าวไว้แล้วภาพแนว Timing บางแนว เราสามารถคาดเดาหรือคาดการณ์ได้ว่า มันต้องเกิดหรือรู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะเกิด เพียงแต่ในบางครั้งมันอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะเกิด บ่อยครั้งที่นักถ่ายภาพหมดความอดทนเสียก่อนที่เหตุการณ์ซึ่งเป็น Timing จะเกิดขึ้น (บางทีก็เลิกรอเสียก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว เก็บกล้องยังไม่ทันเสร็จเหตุการณ์ดีๆ ก็เกิดขึ้นแต่หยิบกล้องออกมาใหม่ไม่ทันแล้ว) เช่น รถไฟวิ่งมาที่สะพานทาชมพู อ.แม่ทา จ.ลำพูน ผมเคยเห็นภาพสะพานแห่งนี้มามากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงภาพสะพานเพียงอย่างเดียว ซึ่งผมคิดว่าดูเฉยๆ จืดๆ ไม่สมกับตำแหน่งหนึ่งในสะพานรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทยเท่าใดนัก เพื่อให้ครบองค์ประชุม ผมจึงสมัครใจที่จะรอคอยกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้มีรถไฟผ่านมา (ตรวจสอบตารางรถไฟล่วงหน้าแล้ว แต่ว่ารถไฟไทยเอาแน่ไม่ได้ครับ มาช้าไปเป็นชั่วโมง แต่ผมก็ยังอดทนรอ) การรอกว่าชั่วโมงแล้วมีเวลาในการถ่ายเพียงไม่เกิน 1 นาทีถือว่าเป็นภาพแนว Timing ได้ครับ
เวลาถ่ายภาพไม่เกิน 1 นาทีกับการรอคอยกว่า 1 ชั่วโมง
เตรียมพร้อมสำหรับเวลาทองแห่ง Timing
แม้ว่าเหตุการณ์บางเหตุการณ์จะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานนับชั่วโมง แต่บ่อยครั้งที่เวลาดีที่สุดที่นับเป็นเวลาทองสำหรับการถ่ายภาพแนว Timing จะเป็นจุด Climax ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น (บ่อยครั้งที่ไม่เกินห้าวินาที) การรู้และเตรียมตัวอย่างดี จะเพิ่มโอกาสในการได้ภาพที่ต้องการ "รู้" คือรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหนและ "เตรียมตัว" คือการกำจัดโอกาสที่จะเกิดอุปสรรคในการถ่ายภาพออกไป เช่นภาพเรือกำลังแล่นเข้าสู่ลำแสงของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนอยู่ในน้ำ เรารู้ล่วงหน้าแล้วว่า เดี๋ยวจะมีจังหวะที่สวยที่สุดตอนเรืออยู่ในตำแหน่งนั้น การเตรียมตัวคือต้องระวังอย่าให้การ์ดเต็ม อย่าให้แบตเตอรี่หมด และถ้าถ่ายภาพแบบ "ต่อเนื่อง" อย่าเพิ่งกดชัตเตอร์ค้างไว้ก่อนที่เรือจะเข้าจุดสำคัญ เพราะกล้องบางรุ่นมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องไม่มาก ยิ่งถ่ายด้วยไฟล์แบบใหญ่ๆ เช่น RAW และใช้การ์ดที่มีความเร็วไม่มาก ยิ่งมีโอกาสเสียจังหวะในการถ่ายภาพ เพราะถ้าเราเริ่มกดชัตเตอร์ในจังหวะที่เรืออยู่ห่างจากจุดที่ต้องการที่สุดมากเกินไป พอชัตเตอร์ทำงานไปได้สามสี่ภาพกล้องก็เกิดอาการ "ข้อมูลล้น" ถ่ายต่อไปไม่ได้ ต้องรอให้ภาพถูกเขียนลงการ์ดให้เสร็จก่อน กว่ากล้องจะพร้อมทำงานได้อีกครั้งเรือก็เลยจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว เหตุการณ์แบบนี้ผมเคยเจอมากับตัวเองหลายครั้ง จนช่วงหลังๆ ถ้าถ่ายภาพลักษณะนี้ จะไม่ยอมกดชัตเตอร์เด็ดขาดจนกว่าวัตถุเป้าหมายจะเข้าสู่พื้นที่ที่กำหนดไว้เสียก่อน
จังหวะที่ต้องแม่นยำเป็นพิเศษเพียงวินาทีเดียวองค์ประกอบภาพก็จะเปลี่ยนแปลงไปทันที
โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องตัวช่วยชั้นดี
ภาพ Timing บ่อยครั้งที่เป็นภาพวัตถุเคลื่อนไหวจากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งหนึ่ง และบ่อยครั้งเช่นกันที่การกดชัตเตอร์ทีละช็อตจะให้ผลไม่เป็นไปตามที่ต้องการ สำหรับวัตถุที่เคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว เวลาเพียงครึ่งวินาทีก็มีผลต่อองค์ประกอบที่เราจะได้ในภาพ เทคนิคที่ผมชอบนำมาใช้ที่สุดเมื่อถ่ายภาพลักษณะนี้คือ การใช้โหมดถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง กดชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เข้าใกล้จุดที่ประมาณการเอาไว้ ได้ภาพชุดหนึ่งมากน้อยแล้วแต่ความเร็วในการบันทึกภาพต่อเนื่องของกล้อง หรือไม่ก็ตามความต้องการของเราเอง จากนั้นค่อยนำมาเลือกเอาภาพที่คิดว่าดีที่สุด ข้อควรระวังสำหรับเทคนิคนี้ก็คือ สำหรับกล้องรุ่นที่ไม่สูงมากนัก ความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องมีจำกัด และถ้ายิ่งถ่ายด้วยไฟล์ RAW ก็ยิ่งจำกัดลงไปอีก ถ่ายได้ไม่กี่ภาพกล้องก็หยุดทำงานเพื่อบันทึกข้อมูลลงการ์ด ทำให้พลาดโอกาสได้ภาพดีๆ กันมานักต่อนักแล้ว ลองกะด้วยสายตาว่าจุดที่ดีที่สุดน่าจะอยู่บริเวณไหนของภาพ เมื่อวัตถุที่ต้องการถ่ายเข้าใกล้จุดนั้นที่สุดแล้ว ค่อยเริ่มกดชัตเตอร์ ก็จะมีโอกาสได้ภาพที่ต้องการมากขึ้น
บางครั้งถ้าไม่แน่ใจเรื่องการกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่
การถ่ายภาพต่อเนื่องเช่นนี้ก็ช่วยได้มาก
เลือกภาพที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดจากภาพชุดที่ถ่ายด้วยระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง
ภาพลักษณะนี้ก็เหมาะสมสำหรับการใช้ระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง
ภาพที่เลือกจากภาพซึ่งถ่ายต่อเนื่องเป็นชุด
บันทึกภาพคราวต่อไปลองพลิกแพลงมองหามุมใหม่ๆ หรือเล่นกับจังหวะเวลาในแนว Timing Photography ดูบ้างครับ แล้วคุณจะพบว่า การถ่ายภาพสนุกขึ้นอีกเยอะเลย
บทความโดย สุระ นวลประดิษฐ์ www.stockphotothailand.com