ในการส่งภาพเข้าไปขายในไมโครสต็อกนั้น ไม่ใช่ว่าเรามีภาพอะไรแล้วต้องการจะขายก็ทำได้ทุกภาพ ผู้ที่มีสิทธิเด็ดขาดในการพิจารณาว่า จะรับหรือไม่รับภาพใดของเราไว้ขายนั้น คือ Inspector หรือผู้ตรวจสอบภาพของไมโครสต็อกแต่ละแห่ง บรรดา Inspector เหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการพิจารณาคุณภาพของภาพในทุก ๆ ด้านว่าจะรับหรือปฏิเสธ นอกจากคุณภาพและเนื้อหาของภาพแล้ว นโยบายของไมโครสต็อกแต่ละแห่งก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของ Inspector ไมโครสต็อกแต่ละแห่งมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน บางแห่งเน้นการขายภาพไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคุณภาพสูง โดยยินดีจ่ายในราคาแพง ภาพที่ต้องการจึงต้องมีความยอดเยี่ยมทั้งในด้านคุณภาพและเนื้อหาเท่านั้นจึงจะรับไว้ ในขณะที่ไมโครสต็อกบางแห่ง เน้นการขายภาพให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อภาพในราคาต่ำ โดยไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพสูงสุดของไฟล์ภาพในระดับสูงสุด จึงไม่ได้เข้มงวดกับคุณภาพโดยรวมทุกด้านของภาพมากนัก ภาพที่มีคุณภาพไฟล์ปานกลาง แต่มีเนื้อหาดี ก็สามารถผ่านการพิจารณาได้ ดังนั้น บ่อยครั้งที่ภาพสต็อกซึ่งผ่านการพิจารณาจากไมโครสต็อกแห่งหนึ่ง และมียอดดาวน์โหลดดีมาก กลับไม่ผ่านการพิจารณาจากไมโครสต็อกอีกแห่งหนึ่ง
ในการพิจารณารับภาพของไมโครสต็อก หากว่าภาพใดถูกปฏิเสธ โดยธรรมเนียมของธุรกิจนี้ จะต้องมีการแจ้งเหตุผลที่ไม่รับภาพนั้นมายังเจ้าของภาพทุกครั้ง เพื่อใช้ช่างภาพได้ใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่ยังบกพร่องอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเฉพาะภาพนั้น ๆ แล้วส่งกลับไปให้พิจารณาใหม่ หรือปรับปรุงในการถ่ายภาพอื่น ๆ ที่จะส่งครั้งต่อไปให้มีคุณภาพสูงขึ้นและเนื้อหาภาพที่มีโอกาสขายได้มากขึ้น เหตุผลหรือคำแนะนำเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้ส่งภาพ เนื่องจากเป็นสิ่งที่มาจากผู้เป็นมืออาชีพเกี่ยวกับภาพถ่ายเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง และให้เหตุผลที่ตรงประเด็นสำหรับภาพแต่ละภาพ
ไมโครสต็อกแต่ละแห่งจะมีการใช้ Wording หรือถ้อยคำในเหตุผลประกอบการปฏิเสธภาพที่แตกต่างกันไป แต่เนื้อหาหรือความหมายของเหตุผลก็จะสรุปออกมาคล้าย ๆ กัน ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างเหตุผลในการปฏิเสธภาพจาก Shutterstock เป็นหลักในการอธิบายเนื้อหาของบทความนี้ ตัวอย่างส่วนหนึ่งของเหตุผลในการปฏิเสธภาพ มีดังนี้
1. Limited Commercial Value--We do not need this image at this time.
มีมูลค่าทางการค้ามีจำกัด -- เราไม่ต้องการภาพนี้ในเวลานี้
นี่คือหนึ่งในเหตุผลยอดนิยมที่สุด ที่ช่างภาพสต็อกได้รับเมื่อถูกปฏิเสธภาพ มักเกิดกับภาพที่คุณภาพทั่วไปค่อนข้างดีหรือแม้แต่ดีมากแต่เป็นวัตถุที่มีเนื้อหาเฉพาะกลุ่มหรือแคบมาก ๆจนไม่น่าจะมีลูกค้าสนใจซื้อ หรือจินตนาการไม่ได้ว่าผู้ซื้อจะซื้อภาพเอาไปทำอะไรภาพสต็อกที่ดี จะต้องเป็นภาพที่มีเนื้อหาเป็น “สากล” ให้มากที่สุด ยิ่งเป็นวัตถุที่เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะขายได้มากขึ้นเท่านั้น บ่อยครั้งที่เราถ่ายภาพสิ่งของที่ดูสวยงามอลังการงานสร้างมาก ๆ และภาพที่ออกมาก็มีคุณภาพดีทุก ๆ ด้าน แต่ภาพถูกปฏิเสธ เนื่องจากเหตุผลดังที่ว่านี้ ในทางตรงข้าม เหตุผลนี้มักใช้สำหรับให้กับภาพที่มีเนื้อหาเป็นสากลปกติ เพียงแต่ว่าไมโครสต็อกมีจำนวนภาพเหล่านั้นอยู่มากพอแล้ว จึงไม่ต้องการเพิ่มจำนวนภาพเหล่านี้เข้าไปอีก
ภาพแนว Background หรือ Texture เช่น กำแพงอิฐนี้ เป็นภาพที่ลูกค้านิยมดาวน์โหลดกันมากที่สุดประเภทหนึ่ง
แต่เนื่องจากปัจจุบันมีภาพประเภทนี้อยู่มากแล้ว แม้จะมีคุณภาพของไฟล์ดีเยี่ยม
แต่ก็มักจะได้รับเหตุผลเรื่อง LCV อยู่เสมอ
2. Composition--Limited commercial value due to framing, cropping, and/or composition.
องค์ประกอบของภาพ -- มีข้อจำกัดในการนำไปใช้ในทางการค้า อันเนื่องจากระยะขอบหรือกรอบภาพไม่เหมาะสม การตัดส่วนที่ไม่เหมาะสม และ/หรือวางองค์ประกอบภาพไม่ดี
ภาพประเภทนี้มักจะเป็นภาพที่มีการจัดองค์ประกอบโดยมีบางส่วนของวัตถุสำคัญในภาพถูกตัดให้ขาดหายไปเล็กน้อย หรือมีอยู่ครบ แต่วางตำแหน่งไว้ชิดหรือติดขอบภาพด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ลูกค้าจะนำชิ้นงานอื่นมาผสม นำตัวอักษรมาใส่ หรือนำไปไดคัทเพื่อแยกฉากหลังออกได้ยาก
ภาพนี้ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลข้อ 2 เรื่อง Composition ซึ่ง ผู้ตรวจสอบภาพน่าจะพิจารณาว่าภาพ “แน่น” เกินไป
ไม่เหลือพื้นที่ไว้สำหรับให้ลูกค้าเพิ่มเติมเนื้อหาหรือองค์ประกอบอื่น ๆ เข้าไปได้อีกแล้ว
เป็นบทเรียนได้ว่า ในการถ่ายภาพลักษณะนี้ครั้งต่อไป ควรจะถ่ายให้ “หลวม” กว่านี้สักเล็กน้อย
3. Poor Lighting--Poor or uneven lighting, or shadows. White balance may be incorrect.
การให้แสงหรือการจัดแสงไม่ดี – แสงแย่หรือไม่สม่ำเสมอ หรือมีเงาที่ดูไม่กลมกลืนกับภาพ หรืออาจจะตั้งไวท์บาลานซ์ไม่ถูกต้อง
ภาพที่มีการให้แสงแบบทึม ๆ ทึบ ๆ ดูแล้วหม่นหมอง ไม่สดใส รวมทั้งภาพที่มีแสงส่องกระจายหย่อม ๆ หรือมีเงาที่ดูแล้วไม่กลมกลืนกับเนื้อหาภาพก็จะถูกปฏิเสธ เช่น ภาพของวัตถุทั่วไปที่ต้องการแสดงรายละเอียดของพื้นผิว มักจะต้องการแสงที่สม่ำเสมอ แสงประเภทนี้แตกต่างกับแสงส่องเฉพาะจุดโดยจงใจให้เหมาะกับวัตถุหรือเนื้อหาในภาพ เช่น ภาพแสงส่องเฉพาะจุดลงบนดอกไม้ซึ่งเป็นวัตถุหลักของภาพ มากกว่าบริเวณรอบ ๆ ซึ่งเป็นวัตถุประกอบหรือวัตถุรอง เป็นต้น
ภาพนี้ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลตามข้อ 3 ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเหตุผลหลักคือคำว่า Poor ซึ่งหมายถึง แสงไม่ดี
มากกว่าเหตุผลอื่น เพราะภาพนี้ ไม่มีแสงกระจายเป็นหย่อม ๆ แล้วก็ไม่มีเงา แถม White Balance ก็ไม่น่าจะผิดแต่อย่างใด
4. Focus--Your image is not in focus or focus is not located where we feel it works best.
การโฟกัส – ภาพของคุณภาพนี้ โฟกัสไม่ถูกจุด หรือโฟกัสในจุดที่เรา (Inspector) ดูแล้วเห็นว่า มันไม่ดีเท่าที่ควร
ภาพประเภท “ชัดตื้น” มักจะถูกปฏิเสธด้วย “ข้อหา” นี้บ่อยครั้ง ดุลยพินิจในการพิจารณาว่าโฟกัสตรงจุดไหนดี จุดไหนไม่ดี เป็นสิทธิขาดของ Inspector แม้เราจะมีเหตุผลว่าเราโฟกัสภาพตรงนั้นตรงนี้เพราะอะไร แต่ถ้า Inspector มองว่าผลของมันออกมาไม่ดี หรือไม่เหมาะสำหรับการเป็นภาพสต็อก ก็มีสิทธิปฏิเสธได้เช่น ภาพวัตถุใด ๆ ที่เรียงกันเป็นแถวในแนวลึกและถ่ายแบบชัดตื้น ผู้ถ่ายโฟกัสที่วัตถุชิ้นที่สองหรือสามจากระยะหน้าเลนส์เพราะดูแล้วสวยกว่า แต่ Inspector ส่วนใหญ่จะชอบให้โฟกัสที่วัตถุชิ้นแรกในแถวมากกว่า เพราะเหมาะสมกับความเป็นภาพสต็อก ส่วนการโฟกัสแบบแรกนั้น เป็นที่นิยมกันในภาพแนวศิลป์มากกว่า เป็นต้น
ภาพนี้ถ้าจะให้ผ่านแน่นอน ต้องถ่ายให้ระยะชัดลึกครอบคลุมโต๊ะทั้งสองตัว แต่ขณะถ่าย อยู่ภายใต้สภาพแสงที่น้อยมากและไม่มีขาตั้งกล้อง
ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องเปิดหน้ากล้องกว้าง f/4 คิด ไว้ก่อนแล้วว่าระยะชัดลึกอาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด
แต่ก็ต้องเสี่ยงดู ดีกว่าไม่ได้ถ่าย ยันตัวเองไว้กับผนังระเบียง เลือกโฟกัสที่โต๊ะตัวแรก
ปรากฎว่า ผู้ตรวจสอบภาพเขาไม่ได้สนใจว่า เราถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมอย่างไร เขาต้องการเพียงภาพที่มีความคมชัด
และชัดลึกที่เหมาะสมกับการเป็นภาพสต็อกเท่านั้น ภาพนี้จึงถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องการโฟกัสในที่สุด
5. Lighting Problems--Purple fringe, blown highlights or lenses flare
มีปัญหาในเรื่องแสง – ภาพมีขอบม่วง, มีจุดที่เป็นส่วนสว่างมากเกินไปจนขาดรายละเอียด หรือมีแฟลร์อยู่ในภาพ
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากอีกเรื่องหนึ่งในการถ่ายภาพสต็อกกับภาพแนวสวยงามทั่วไปก็คือ แสงที่เป็นส่วนสว่างมาก ๆ เป็นจุด ๆ หรือหย่อม ๆ บนวัตถุ ที่เรานิยมเรียกกันว่า “เบิร์น” อาจจะทำให้ภาพแนวศิลป์หรือแนวประกวดทั่วไปดูดีหรือดูเด่นขึ้นมาได้ แต่สำหรับภาพสต็อก แสงประเภทนี้มีแต่จะทำให้ภาพมีโอกาสถูกปฏิเสธเพิ่มมากขึ้น โดยทั่วแล้ว ไมโครสต็อกจะยอมให้มีแสงสว่างจนขาดรายละเอียดได้ก็เฉพาะฉากหลังของภาพที่ตั้งใจจะเป็นภาพแบบ “ฉากหลังขาว” หรือ Isolated อันเป็นแนวภาพยอดนิยมแนวหนึ่งในไมโครสต็อกเท่านั้น
6. Similar Submissions--Too many of the same subject.
ภาพซ้ำหรือภาพเหมือน – มีภาพวัตถุเดียวกันซ้ำกันหรือคล้ายกันมากเกินไป
การถ่ายภาพวัตถุใด ๆ ก็ตามในหลาย ๆ มุมมอง โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการถ่ายภาพขาย คุณมักจะไม่มีความมั่นใจในการตัดสินใจว่า ควรจะส่งภาพใดและไม่ควรจะส่งภาพใด ก็เลยส่งภาพของวัตถุที่ซ้ำ ๆ กันไปทั้งหมด ไมโครสต็อกจะเลือกภาพที่คิดว่า “ดีที่สุด” เอาไว้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือก็จะถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลนี้ ดูเหมือนว่าการทำอย่างนี้จะง่าย คือส่งภาพทั้งหมดที่เราถ่าย ไม่ว่าภาพนั้นจะซ้ำหรือไม่ แล้วโยนภาระให้ผู้ตรวจสอบภาพตัดสินใจเอาเอง แต่ในความเป็นจริง การทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้คุณเสียเวลามากมายในการอัปโหลดและทำการ Submit ภาพแล้ว คุณมีโอกาสที่จะถูกส่งจดหมายมาเตือนในเรื่องนี้ และถ้ายังทำอีกบ่อย ๆ ก็อาจจะถูกพักสิทธิในการส่งภาพชั่วคราวหรือถาวรได้
7 . Noise -- Noise, film grain, over-sharpening, or artifacts at full size.
ปัญหาเรื่อง Noise – มี Noise, มีเกรนจัดหรือเห็นได้ชัด, มีการปรับแต่งความคมชัดมากเกินไป หรือมีจุดรบกวนเมื่อดูภาพแบบ 100%
เหตุผลนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเป็นเหตุผลหลักที่ภาพจะต้องถูกปฏิเสธแบบไม่ต้องสงสัย เคล็ดลับสำคัญในการหลีกเลี่ยงข้อหานี้ คือก่อนที่จะส่งภาพ หากมีข้อสงสัยในเรื่องคุณภาพ ให้คุณทำการขยายภาพขึ้นมาดูที่อัตรา 1:1 หรือแบบ 100% หรือแบบ Full Size (แล้วแต่จะเรียกว่าอะไร แต่ความหมายเหมือนกัน) ซึ่งจะช่วยให้เห็นข้อบกพร่องต่าง ๆ ของภาพได้ชัดเจนขึ้น บรรดาผู้ตรวจสอบภาพ ก็ดูภาพของเราในแบบนี้ทั้งสิ้น ไม่ใช่ดูแบบย่อในจอเล็ก ๆ เหมือนในจอคอมพิวเตอร์ของเรา
ภาพนี้ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่อง Noise แม้ว่าในขณะทำการปรับแต่งภาพ ผู้เขียนได้ทำการลด Noise ลงไปแล้ว
แต่ก็พลาดที่ไม่ได้ขยายภาพขึ้นมาตรวจสอบดูแบบ 100% อีกครั้งหนึ่ง เมื่อภาพถูกปฏิเสธด้วยข้อหานี้
จึงมาขยายขึ้นดู ปรากฏว่าพบ Noise หลง เหลืออยู่เล็กน้อยในบริเวณท้องฟ้าด้านบน
สำหรับจุดรบกวนประเภทนี้ แม้จะมีอยู่น้อยแค่ไหน แต่ก็มักจะไม่รอดสายตาของผู้ตรวจสอบภาพไปได้
8. Overuse--Overuse of noise reduction software
ใช้โปรแกรมกำจัด Noise ในระดับที่มากเกินไป
การกำจัด Noise ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนพิกเซลทั้งหมดของภาพทั้งภาพ ดังนั้น จึงมีผลทำให้ภาพมีความเนียนเรียบทั่วกันทั้งหมด หากให้มากเกินไปจะทำให้ภาพมีความเบลอขาดความคมจนเกินระดับที่ไมโครสต็อกจะยอมรับได้ ดังนั้น การใช้โปรแกรมกำจัด Noise จึงต้องทำเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
9. Editing--Your illustration has rough edges.
ปัญหาจากการตัดต่อ – ภาพของคุณมีขอบไม่เรียบ ขอบขรุขระมีรอยหยัก
ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับมือใหม่ที่ยังมีความชำนาญน้อยในการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามแยกเอาฉากหลังออกจากวัตถุหลัก เพื่อทำภาพในรูปแบบ “ฉากหลังขาว” หรือ “Isolation” การใช้ค่าในการปรับขอบของภาพไม่ถูกต้อง จะทำให้ภาพมีร่องรอยของการตัดต่อที่เห็นได้ชัดเจนมากเกินไป ดังนั้น จึงควรทดลองการตั้งค่าขอบภาพหลายๆ แบบว่าค่าเท่าใดจึงจะให้ขอบภาพที่ดูเป็นธรรมชาติเหมาะกับสไตล์ภาพสต็อกที่สุด
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับภาพที่ถูกปฏิเสธจากไมโครสต็อก
ภาพที่ถูกปฏิเสธมาในครั้งแรก โดยเฉพาะเหตุผลข้อแรก คือ Limited Commercial Value (ภาษาช่างภาพสต็อกชาวไทยชอบเรียกกันว่า LCV) ซึ่งเป็นการปฏิเสธที่ขึ้นอยู่กับ “ดุลยพินิจ” ของผู้ตรวจสอบภาพแต่ละคนเป็นสำคัญ ถ้าหากว่าเจ้าของภาพมีความมั่นใจในภาพนั้นมาก ๆ หรือชอบภาพนั้นเป็นพิเศษ หรือไม่ก็มีความมั่นใจว่า ภาพน่าจะขายได้ ก็สามารถที่จะส่งภาพนั้นกลับเข้าไปใหม่ได้อีก โดยไม่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขใด ๆ แต่มีเทคนิคในการส่งซ้ำคือ เว้นระยะสัก 1 – 2 สัปดาห์แล้วค่อยส่งผสมเข้าไปกับภาพอื่น ๆ ตามปกติ และผสมเข้าไปจำนวนน้อย ๆ เท่านั้น ช่างภาพสต็อกทั่วไปทั้งไทยทั้งฝรั่งต่างก็ชอบทำแบบนี้ ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด และมีจำนวนมากที่ภาพซึ่งไม่ผ่านในครั้งแรก แต่ผ่านในครั้งที่สอง บางครั้งต้องส่งกันถึงสามสี่ครั้งก็มีถึงจะผ่าน เทคนิคในการเว้นระยะเวลานั้นก็เพื่อให้มีโอกาสที่ภาพจะไปอยู่ในคิวตรวจของผู้ตรวจสอบภาพคนอื่น ๆ ซึ่งอาจจะตีความว่า ภาพของเรานั้นไม่ใช่ภาพที่ LCV ก็เป็นได้ แต่ถ้าส่งซ้ำแล้วมักจะไม่ผ่านอีกเป็นประจำ ก็เป็นไปได้ว่า เหตุที่ภาพไม่ผ่านนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะดุลยพินิจของผู้ตรวจสอบภาพอย่างเดียว แต่อาจจะขึ้นอยู่กับว่า ภาพของเราเป็นภาพ LCV จริง ๆ ก็ได้
ภาพนี้ถูกปฏิเสธในการส่งครั้งแรกด้วยเหตุผลเหตุผลข้อ 4 เรื่องการโฟกัส
หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ได้ลองส่งเข้าไปใหม่ปะปนกับภาพชุดอื่น ๆ โดยไม่ได้มีการปรับปรุงหรือแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น
ปรากฏว่าได้รับการ Approved ในครั้งที่ 2 หมายเลขภาพใน Shutterstock คือ 59789431
ภาพที่ถูกปฏิเสธจากไมโครสต็อกใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครสต็อกที่รับภาพง่าย ๆ อย่าง 123rf หรือที่รับภาพยากสุด ๆ อย่าง iStockphoto ไม่ได้หมายความว่า จะถูกปฏิเสธเหมือนกันจากไมโครสต็อกแห่งอื่น ๆ ที่เหลือ เช่น เราส่งภาพเข้าไปยัง 123rf ซึ่งถือว่ารับภาพไม่ยาก แล้วภาพถูกปฏิเสธ ถ้าคิดตามตรรกะง่าย ๆ หากว่าไมโครสต็อกที่รับภาพง่ายที่สุด ยังปฏิเสธภาพนั้นเสียแล้ว ที่เหลือก็คงจะปฏิเสธทุกแห่งแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ภาพที่ 123rf ปฏิเสธ ก็มีเป็นจำนวนไม่น้อยไปที่ผ่านในไมโครสต็อกแห่งอื่น ๆ ที่รับภาพยากกว่า เช่น Fotolia, Dreamstime, Shutterstock หรือแม้แต่ iStockphoto ในทางกลับกัน ภาพบางภาพ ได้รับการ Approved ที่ iStockphoto ซึ่งถือว่าเป็นไมโครสต็อกที่รับภาพยากที่สุด ถ้าคิดด้วยตรรกะแบบเดียวกับกรณีแรก ก็หมายความว่า ภาพนั้นจะต้องผ่านที่อื่น ๆ ทุกแห่งอย่างแน่นอน แต่ในสถานการณ์จริง มีบ่อยครั้งเช่นกันที่ภาพผ่าน iStockphoto แล้ว กลับไปถูกปฏิเสธใน 123rf, Fotolia, Dreamstime หรือ Shutterstock ดังนั้น หากว่านักถ่ายภาพมีความมั่นใจในภาพของตัวเองในระดับหนึ่งแล้ว การถูกปฏิเสธจากไมโครสต็อกแห่งหนึ่งแห่งใด เราก็ยังมีโอกาสเสมอที่ภาพนั้นจะไปผ่านในไมโครสต็อกอีกหลายแห่งที่เหลือต่อไป
ผู้เขียนส่งภาพนี้ไปยัง Shutterstock เป็น ที่แรก ปรากฏว่า ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องจุดโฟกัสไม่เหมาะสม
แต่ต่อมาได้เอาไปส่งที่ไมโครสต็อกอื่นๆ ปรากฏว่าผ่านหมดทุกแห่ง
ทั้ง 123rf, Dreamstime, Fotolia และผ่านแม้แต่ที่ iStockphoto (ID : 14261087)
ภาพที่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลด้าน “คุณภาพ” จริง ๆ เช่น เกี่ยวกับ Noise เกี่ยวกับขอบม่วง เกี่ยวกับจุดสว่างที่สูญเสียรายละเอียด เกี่ยวกับแฟลร์ ฯลฯ ภาพเหล่านี้ ถ้าหากส่งกลับเข้าไปใหม่โดยปราศจากการแก้ไขปรับปรุงที่เหมาะสม เกือบทั้งหมดของภาพเหล่านี้จะถูกปฏิเสธอีกครั้งค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากเหตุผลด้านคุณภาพของภาพ เป็นเหตุผลทาง “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่เหตุผลด้าน “ความรู้สึก” บรรดาผู้ตรวจสอบภาพมักจะตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ถูกต้องใกล้เคียงกันเป็นมาตรฐานพอสมควร ดังนั้น หากได้เหตุผลทำนองนี้มา และต้องการส่งภาพเข้าไปลองลุ้นดูใหม่ ก็ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงภาพด้วยวิธีการที่ถูกต้องเสียก่อน จึงจะมีโอกาสผ่านได้
ในการส่งเหตุผลประกอบการปฏิเสธภาพนั้น บางครั้งเหตุผลที่ให้มาสำหรับภาพภาพเดียว อาจจะมีเหตุผลเป็นชุด หรือมีสองสามเหตุผลรวม ๆ กัน เจ้าของภาพต้องพยายามวิเคราะห์หรือแยกให้ออกว่า ภาพของเราถูกข้อหาอะไรกันแน่ เช่น มีเหตุผลประกอบคำปฎิเสธว่า Lighting Problems--Purple fringe, blown highlights or lenses flare เมื่อเราได้อ่านเหตุผลพวกนี้แล้ว จะต้องตัดสินเอาเองว่าภาพของเราไม่ผ่านเพราะอะไร ระหว่าง เพราะมีขอบม่วง หรือเพราะมีจุดสว่างที่สูญเสียรายละเอียด หรือเพราะว่ามีแฟลร์ เหตุผลที่เป็นดังนี้ เพราะว่าในแต่ละวัน Inspector หรือผู้ตรวจสอบภาพ จะต้องดูภาพเป็นจำนวนมากมายมหาศาล (หลายหมื่นภาพ หรืออาจจะถึงแสนภาพต่อวัน) ดังนั้น ภาพแต่ละภาพจะมีเวลานับเป็นเพียงหน่วยวินาทีเท่านั้นที่จะถูกตัดสินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน และหากว่าไม่ผ่าน ก็จะไม่มีการมานั่งพิมพ์คำอธิบายเหตุผลให้กับภาพเป็นรายภาพ แต่จะใช้ชุดของเหตุผลสำเร็จรูปที่ได้พิมพ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยการกดหมายเลขชุดเหตุผลที่ตรงหรือใกล้เคียงกับเหตุผลในการปฏิเสธภาพนั้น ๆ ซึ่งเหตุผลแต่ละชุดก็จะมีการรวมเอาเหตุผลย่อยในกลุ่มที่ใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน ดังนั้น เจ้าของภาพจึงต้องทำหน้าที่วิเคราะห์เอาเองว่า หากมีหลายเหตุผลอยู่ในชุดเดียวกัน ภาพของเราถูกปฏิเสธเพราะเหตุผลอะไรกันแน่ และทำการแก้ไขปรับปรุงไปตามนั้น
ภาพนี้ส่งไป Shutterstock ครั้งแรก ปรากฏว่าถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลด้านองค์ประกอบตามข้อ 2
ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะลักษณะของภาพที่เอียงอันเกิดจากการถ่ายจากมุมต่ำ จึงได้ใช้โปรแกรมตกแต่งภาพ จัดการแก้ไขภาพให้อยู่ในแนวตรง
และส่งเข้าไปใหม่ปรากฏว่าผ่านด้วยดี ในชุดนี้มีภาพลักษณะเดียวกันนี้ 5 ภาพ ที่ไม่ผ่านในครั้งแรก เมื่อแก้ไขแบบเดียวกันแล้วก็ผ่านทั้งหมด
การส่งภาพกลับเข้าไปใหม่นั้น แม้ปกติจะทำได้ แต่ก็ไม่ควรที่จะส่งภาพทุกภาพกลับเข้าไปเป็นรอบที่สองที่สาม ควรเลือกเฉพาะภาพที่มั่นใจมาก ๆ เท่านั้น เนื่องจากการส่งภาพไปใหม่นี้ สำหรับไมโครสต็อกบางแห่งก็มีผลกระทบอยู่บ้าง เช่น
ที่ Shutterstock หากว่าเราส่งภาพกลับเข้าไปใหม่ และภาพถูกปฏิเสธอีก (โดยเฉพาะภาพที่ส่งกลับเข้าไปแบบไม่ได้แก้ไขอะไรเลย) หากเป็นบ่อย ๆ เราก็จะถูกส่งคำเตือน หรือ Warnning มายังหน้า Account ของเรา หากว่าคำเตือนนี้มีมาครบ 5 ครั้ง เราก็จะถูกพักบัญชีผู้ขายภาพไว้ชั่วคราว ไม่มีสิทธิส่งภาพไปขายอีก และต้องส่งภาพเข้าไป 10 ภาพเพื่อทำการสอบใหม่เหมือนตอนเริ่มต้นสมัครสมาชิกทุกประการ ถ้าสอบผ่านก็สามารถเข้าใช้งาน Account และ Gallery เดิมได้อีกครั้ง
ภาพนี้ครั้งแรกถูกปฏิเสธจาก Shutterstock ด้วจ เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องเครื่องหมายการค้า
ผู้ตรวจสอบภาพสงสัยว่าลายผ้านี้จะมีลิขสิทธิ์ (รูปช้าง) ผู้เขียนจึงได้ส่งเข้าไปใหม่ พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมสั้น ๆ ว่าภาพนี้ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
โดยไม่ได้แก้ไขใด ๆ ที่ไฟล์ภาพ แก้ไขเฉพาะคำอธิบายภาพ และสามารถผ่านได้ในการส่งครั้งที่สอง
ที่ Dreamstime การที่เราส่งภาพซ้ำเข้าไปและถูกปฏิเสธอีกครั้ง อัตราการผ่านภาพของเราก็จะต่ำลง ซึ่งจะมีผลทำให้สิทธิในการ Submit ภาพต่อสัปดาห์ของเราลดน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากที่นี่จะให้สิทธิในการ Submit ภาพต่อสัปดาห์ตามจำนวนของเปอร์เซ็นต์ที่ภาพได้รับการ Approved ภาพผ่านมาก ก็ได้รับสิทธิ Submit ภาพมาก เป็นต้น
สำหรับช่างภาพแนวสต็อกแล้ว แม้ประโยคเหล่านี้ จะมาพร้อมความผิดหวังที่ภาพถูกปฏิเสธ แต่ถ้าหากว่ารู้จักใช้ประโยชน์จากเหตุผลเหล่านี้ ด้วยการอ่านอย่างพินิจพิจารณา แล้วนำมาปรับปรุงงานของตัวเองให้ดีขึ้น เหตุผลที่เราไม่อยากได้รับเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นเครื่องมือบอกทางไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจขายภาพสต็อกได้เป็นอย่างดี