หมายเหตุ บทความนี้คงไว้เพื่อเป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งการสอบขายภาพออนไลน์ในชัตเตอร์สต็อกจะค่อนข้างยากแบบนี้ ส่วนในปัจจุบันการสอบไม่ได้ใช้กติกานี้แล้ว แต่ใช้กติกานี้แทน คลิกเพื่ออ่าน
ในตอนนี้เราจะมาคุยกันถึงขั้นตอนที่ถือได้ว่า เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดขั้นตอนหนึ่งในการขายภาพถ่ายออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือวิธีการและเทคนิคในการส่งภาพสอบให้ผ่านไมโครสต็อกที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ Shutterstock
หมายเหตุ ภาพประกอบทั้ง 10 ภาพในบทความนี้ คือภาพที่ผู้เขียนใช้สอบผ่าน Shutterstock ในปี 2009 แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่มาตรฐานในการตัดสินภาพสอบของ Shutterstock ก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก สามารถใช้อ้างอิงได้จนถึงปัจจุบันนี้ เข้าชม Gallery ของผู้เขียนบทความนี้ (สุระ นวลประดิษฐ์) ได้ ที่นี่
แม้ว่าผู้เขียนจะแนะนำไมโครสต็อกไว้หลายแห่งสำหรับการขายภาพออนไลน์ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียน ไมโครสต็อกที่จะทำรายได้ให้กับช่างภาพอย่างเป็นกอบเป็นกำและถือเป็น “เป้าหมาย” ที่แท้จริงของการขายภาพสต็อกนั้น จะมีอยู่ 2-3 แห่งด้วยกัน แต่ที่เป็นอันดับหนึ่งซึ่งต้องแนะนำเลยก็คือคือ Shutterstock ซึ่งเป็นไมโครสต็อกประเภทที่ต้องมีการส่งภาพจำนวนหนึ่งไป “สอบ” ให้ผ่านเสียก่อนจึงจะมีสิทธิส่งภาพไปขายได้ ไมโครสต็อกแห่งนี้ สำหรับนักถ่ายภาพซึ่งน่าจะเป็นคนกลุ่มใหญ่พอสมควร คือมือใหม่และมือสมัครเล่นทั่วไป ผู้เขียนขอแนะนำให้มุ่งไปที่การสอบ Shutterstock ให้ผ่านเสียก่อนเป็นอันดับแรก
เหตุที่ผู้เขียนแนะนำดังกล่าวเนื่องจาก ถ้าพูดกันถึงด้านอุปกรณ์ในการถ่ายภาพ บรรดามือมือใหม่และมือสมัครเล่น มักจะใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น และอยู่ในระดับธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่อุปกรณ์ชั้นเลิศแบบมืออาชีพ ซึ่งให้คุณภาพของภาพในระดับเฉลี่ยปานกลาง รวมทั้งสไตล์ของภาพก็มักจะเป็นแนวท่องเที่ยว ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ทิวทัศน์ ทั่วไป รวมทั้งยังไม่ค่อยชำนาญในการใช้โปรแกรมตกแต่งภาพเพื่อเพิ่มคุณภาพให้กับภาพของตัวเองได้สูงพอ ซึ่งภาพสไตล์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของ Inspector ใน iStockphoto มากนัก แต่สำหรับ Shutterstock แล้ว ภาพคุณภาพระดับปานกลาง และอยู่ในสไตล์ดังกล่าว ยังคงได้รับการต้อนรับจากผู้ตรวจสอบภาพ และจากลูกค้าของที่นี่เสมอ ทำให้โดยทั่วไปแล้ว มือใหม่และมือสมัครเล่น จะมีโอกาสสอบผ่านและขายภาพได้ที่นี่มากกว่า ส่วน iStockphoto นั้น เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพที่มีประสบการณ์พอสมควร หรือใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงระดับกึ่งโปรขึ้นไป รวมทั้งต้องมีความสามารถในการถ่ายภาพสไตล์พิเศษ เช่น แนวธุรกิจ แนวจัดถ่ายสตูดิโอ หรือว่าการตกแต่งตัดต่อภาพด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในระดับสูง จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในไมโครสต็อกแห่งนี้ได้ ดังนั้น หากว่าไม่นับรวมไมโครสต็อกที่ส่งภาพได้โดยไม่ต้องสอบ ผู้เขียนก็อยากให้มุ่งไปที่การส่งภาพสอบ Shutterstock ให้ผ่านเสียก่อนเป็นอันดับแรก
Shutterstock จะแยกหน้าลงทะเบียนของผู้ซื้อภาพกับผู้ขายภาพออกจากกัน หากมีการไปลงทะเบียนในฐานะผู้ซื้อภาพ จะไม่สามารถส่งภาพขายได้ ลิ้งก์หน้าลงทะเบียนผู้ขายภาพคือ http://submit.shutterstock.com การส่งภาพไปสอบที่นี่ เมื่อลงทะเบียนเป็นผู้ขายภาพแล้ว จะต้องส่งภาพไปให้พิจารณา 10 ภาพ และต้องผ่านการพิจารณา 7 ภาพหรือมากกว่าจึงจะถือว่าสอบผ่าน ถ้าหากว่าสอบไม่ผ่าน จะต้องรออีก 30 วันจึงจะมีสิทธิส่งภาพสอบครั้งต่อไปได้
ต่อไปนี้คือสิ่งที่เป็นข้อควรปฏิบัติในการส่งภาพสอบที่ Shutterstock
ตรวจดูภาพให้ละเอียดถี่ถ้วนว่า ปราศจากจุดรบกวนประเภท Noise, ฝุ่นละออง หรือรอยเปรอะเปื้อนใด ๆ Shutterstock เป็นไมโครสต็อกที่ให้ความสำคัญกับ Noise เป็นอย่างมาก ภาพที่คมชัดและมี Noise มีโอกาสผ่านน้อยกว่าภาพที่ใช้โปรแกรมตกแต่งภาพทำการลด Noise ออกจนหมด แต่ว่าดู Soft หรือนุ่มขึ้นเล็กน้อย โดยทั่วไปฟังก์ชั่นลด Noise ในโปรแกรมจัดการภาพอย่าง Lightroom ก็สามารถใช้ได้ผลดีมาก แม้จะใช้ลดถึง 100% ก็ยังมีคุณภาพที่อยู่ในเกณฑ์ยอมรับของ Shutterstock ได้
เน้นการส่งภาพถ่ายที่มีแสง “เคลียร์” เท่านั้น แสงที่สม่ำเสมอ เปิดรายละเอียดของวัตถุหลักในภาพอย่างตรงไปตรงมาจะมีโอกาสมากที่จะผ่านการสอบ ภาพที่เล่นแสงและเงาแบบ “ศิลป์” ถึงแม้ว่าจะดูสวยงามและใช้ฝีมือในการถ่ายมากกว่าสำหรับสายตาของคนทั่วไป แต่สำหรับการส่งสอบ Shutterstock แล้ว ยิ่ง “ศิลป์” มาก ก็ยิ่งมีโอกาสสอบตกมาก ผู้ตรวจสอบภาพจะพิจารณาแค่เพียงว่า ภาพของคุณ “มีโอกาสขายได้” หรือ “ไม่มีโอกาสขายได้” ตามมาตรฐานและแนวทางของ “ภาพสต็อก” เท่านั้น ไม่ได้ต้องการดูความสวยงามหรือความประทับใจแต่อย่างใด ถ้าคุณมีภาพประเภทเล่นแสงและเงาอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อคุณสอบผ่านแล้ว ค่อยส่งภาพเหล่านั้นเข้าไปขายทีหลังจะดีกว่า นักถ่ายภาพบางคนที่เริ่มต้นขายภาพสต็อก ส่งภาพที่เคยชนะการประกวดสนามใหญ่มาแล้วไปสอบ ปรากฏว่า ภาพไม่ผ่านด้วยเหตุผลเกี่ยวกับ แสงไม่ดีบ้าง องค์ประกอบไม่ดีบ้าง หรือ ภาพไม่เหมาะสำหรับการใช้ในเชิงพาณิชย์บ้างก็มีมาแล้ว จากภาพตัวอย่างจะเห็นว่า ผู้เขียนใช้หลักการข้อนี้เป็นสำคัญในการเลือกภาพส่งสอบ คือเน้นเฉพาะภาพที่มีแสง “เคลียร์” เท่านั้น แม้ในขณะนั้นผู้เขียนมีภาพหลายภาพที่มี “แสง” และ “เงา” ที่คิดว่าสวยงามให้เลือกอยู่จำนวนหนึ่งก็ตาม
ภาพที่ถ่ายแบบ “สมมาตร” คือเท่ากันทั้งซ้ายขวา ก็จะต้องมีความ “เท่ากัน” จริง ๆ ไม่ควรเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เช่น ภาพตัวอย่างที่ 1 ที่ 2 ที่ 6 และที่ 8 เป็นที่ภาพแบบที่เรียกว่า “สมมาตร” เส้นขอบหรือเส้นกำหนดรูปทรงต่าง ๆ ทั้งซ้าย ขวา บน ล่าง ควรจะมีน้ำหนักที่สมดุลกันพอดี เพื่อเป็นการแสดงความสามารถของผู้สอบในเรื่องความละเอียดในการควบคุมน้ำหนักภาพ ความเอียงของเส้นต่างๆ ที่มากเกินไปจนเสียสมดุลอาจจะทำให้ภาพที่ควรจะสอบผ่านกลับกลายเป็นไม่ผ่านก็เป็นได้
ภาพวัตถุที่แบนราบ แม้ว่าดูเผินๆ จะถ่ายไม่อยาก แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือ การตั้ง “ระนาบหน้าเลนส์” ของกล้องให้ขนานกับระนาบพื้นผิวของวัตถุที่จะถ่าย จะได้ภาพที่รู้สึก หนักแน่น มั่นคง ไม่เสียสมดุล และมีความคมชัดเท่ากันทุกส่วนในกรณีที่ใช้รูรับแสงกว้าง ภาพที่ต้องระวังในข้อนี้คือภาพตามตัวอย่างที่ 2 และที่ 6 โดยทั่วไปภาพลักษณะนี้ ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องถ่ายแบบระนาบไม่ตรง จะมีอยู่เพียงแบบเดียวที่ทำให้ภาพยังดูไม่เสียหายมาก คือการถ่ายแบบ “มุมเงย” เล็กน้อยในลักษณะของการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่สูงกว่าระดับของกล้อง นอกจากนั้นส่วนใหญ่มักจะถูกพิจารณาว่าเป็นภาพที่องค์ประกอบไม่ดี
เน้นภาพที่ดูเรียบง่าย แสดงเนื้อหาของวัตถุหรือสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งอย่างชัดเจนไม่คลุมเครือ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญในการควบคุมองค์ประกอบภาพ การถ่ายภาพสิ่งของหรือสถานที่ที่มีส่วนประกอบจำนวนมาก เสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นภาพที่มีองค์ประกอบไม่ดี ยุ่งเหยิง หรือมีเนื้อหาไม่ชัดเจน การเลือกถ่ายเฉพาะส่วนจะปลอดภัยและมีโอกาสสอบผ่านมากกว่า ภาพตัวอย่างที่ถ่ายตามแนวคิดข้อนี้คือ ภาพที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 ซึ่งจะไม่เปิดพื้นที่ให้กับวัตถุหรือองค์ประกอบอย่างอื่นเข้ามารบกวนวัตถุหรือเนื้อหาหลักของภาพได้เลย สำหรับภาพสต็อก โดยเฉพาะภาพที่ส่งสอบ การถ่ายในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้ที่คิดว่า ยังไม่เก่งหรือแม่นในการจัดองค์ประกอบภาพ ได้ภาพที่มีโอกาสส่งสอบผ่านได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับมือเก่าหรือนักถ่ายภาพที่มีความมั่นใจในการจัดองค์ประกอบแล้ว การถ่ายภาพแบบภาพที่ 3 ที่ 5 และที่ 7 ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ใน 10 ภาพที่ส่งสอบนั้น พยายามส่งภาพที่มีเนื้อหาและเทคนิคการถ่ายที่หลากหลายที่สุด เพื่อแสดงว่า คุณสามารถถ่ายภาพได้หลายแนว แม้ว่าช่างภาพบางคนจะมีความถนัดหรือสามารถในการถ่ายภาพเฉพาะแนวใดแนวหนึ่งได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เช่น ถ่ายภาพมาโครได้ในระดับมืออาชีพ และมีภาพมาโครชั้นเยี่ยมเก็บสะสมไว้มากมาย แต่การส่งภาพในรูปแบบเดียวกันนั้นไปสอบทั้งหมด หรือมากกว่า 5 ภาพในชุดเดียวกัน มีโอกาสที่จะสอบตกมากกว่าสอบได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า แนวภาพซ้ำกันมากเกินไป แม้ว่า ในขั้นตอนการขายภาพจริง Shutterstock เป็นไมโครสต็อกที่ยินดีรับภาพซ้ำหรือภาพเป็นชุดมากกว่าที่อื่น แต่ไม่แนะนำให้ส่งภาพลักษณะนี้ในการสอบ ควรคัดเลือกภาพที่มีเนื้อหาและเทคนิคการถ่ายภาพหลาย ๆ แบบไปอย่างละภาพสองภาพจะดีกว่า เช่น ภาพที่ถ่ายด้วยเทคนิคชัดตื้น ชัดลึก ภาพทิวทัศน์ ภาพศิลปวัฒนธรรม ภาพแบบฉากหลังขาว ภาพเงาดำ ภาพอาหาร ภาพมุมกว้าง ภาพมาโคร เป็นต้น เป็นการยากที่จะบอกว่าต้องส่งภาพแนวใดไปสอบได้บ้าง เพียงแต่ว่าขอให้ดูแล้ว ไม่ใช่ภาพที่มีเนื้อหาหรือใช้เทคนิคในการถ่ายแบบเดียวกันซ้ำ ๆ ก็ถือว่าใช้ได้ แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีบ้างเหมือนกันที่มีผู้สอบผ่านด้วยภาพชุดที่มีภาพแนวเดียวกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็จะมีจำนวนไม่มากรายนัก ส่วนใหญ่จะไม่ผ่าน ดังนั้น การส่งภาพที่มีเนื้อหาและเทคนิคหลากหลาย จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากกว่า
ส่งภาพขนาด 100% ไปเท่านั้น (บันทึกภาพที่ระดับ 12 เท่านั้น) อย่าลด หรือ เพิ่มขนาดภาพ ไม่ว่าคุณจะใช้กล้องถ่ายภาพแบบใด ถ้าขนาดภาพของคุณเกินจาก 4 ล้านพิกเซลแล้วก็ถือว่าใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มขนาดของภาพให้ใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด ภาพสองภาพที่มีเนื้อหาและคุณภาพตรงตามกฎเกณฑ์ของ Shutterstock ภาพหนึ่งมีขนาด 6 ล้านพิกเซล อีกภาพหนึ่งมีขนาด 24 ล้านพิกเซล ก็มีโอกาสเท่ากันในการสอบผ่านหรือไม่ผ่าน ไมโครสต็อกไม่ได้ถือเอาขนาดภาพมาเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบในการตัดสินแต่อย่างใด ภาพที่มีขนาดเล็กและใหญ่จะได้เปรียบเสียเปรียบกันในขั้นตอนการขายเท่านั้น เนื่องจากปกติแล้ว ถ้าหากว่าภาพมีคุณภาพและเนื้อหาที่เหมือน ๆ กันหรือคล้ายกัน ลูกค้ามักจะเลือกดาวน์โหลดภาพที่มีขนาดใหญ่กว่า เนื่องจากสามารถนำไปใช้ขยายใหญ่ได้มากกว่านั่นเอง
ใส่คำค้นหรือคีย์เวิร์ดอย่างระมัดระวัง และพยายามใช้คำที่ง่ายที่สุด คีย์เวิร์ดคือสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าค้นพบภาพของคุณ และถือเป็หนึ่งหนึ่งในหัวใจสำคัญที่สุดของการขายภาพสต็อก ขอให้ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคีย์เวิร์ดที่ใส่นั้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาของภาพ การใส่คีย์เวิร์ดคำที่เขียนยากและดูเป็นวิชาการ หรืออกแนวสำบัดสำนวน เป็นวิธีการที่ไม่แนะนำ ให้ลองคิดเหมือนกับลูกค้า ว่าถ้าหากคุณมองภาพของคุณเอง คุณจะค้นหาคำนี้ด้วยคีย์เวิร์ดคำใด ตัวอย่างเช่น ลูกค้าส่วนใหญ่จะค้นหาภาพด้วยคีย์เวิร์ดที่ตรง ๆ ง่าย ๆ ว่า happy girl หรือ ผู้หญิงที่มีความสุข ไม่ใช่ mirthful female หรือ สตรีที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นต้น ส่วนการสะกดคีย์เวิร์ดผิด ก็ถือเป็นเรื่องเสียหายเป็นอย่างมาก ถ้าหากภาพบังเอิญผ่านสายตาของผู้ตรวจสอบภาพไปได้ ลูกค้าจะไม่มีโอกาสได้ค้นพบภาพของเรา แต่ส่วนใหญ่แล้ว หากว่ามีการใส่คีย์เวิร์ดผิดหรือไม่เหมาะสม ภาพของเราก็จะไม่ผ่านในการสอบ
เลือกหมวดหมู่ของภาพให้ถูกต้อง คงไม่ดีแน่ ถ้าคุณเลือกหมวดหมู่ไม่เข้ากับเนื้อหาของภาพตั้งแต่เริ่มส่งภาพไปสอบครั้งแรก เนื่องจากถ้าหากว่าคุณสอบผ่าน ทาง Shutterstock จะนำภาพของคุณไปเข้า Gallery เพื่อทำการขายทันที ดังนั้น จึงต้องจัดการเรื่องหมวดหมู่ให้เสร็จและถูกต้องเหมาะสมตั้งแต่ขั้นตอนการส่งสอบ ใน Shutterstock ให้เลือกหมวดหมู่ของภาพได้ทั้งหมดสองหมวดหมู่ แต่ถ้าดูแล้วเนื้อหาของภาพเข้ากับหมวดหมู่ที่มีอยู่ได้เพียงหมวดหมู่เดียว ก็ให้เลือกเพียงหนึ่งหมวดหมู่ก็ได้
ใส่ข้อมูลภาพทุกอย่าง เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น บางครั้งในขั้นตอนการจัดเก็บหรือจัดการภาพ ช่างภาพบางคนนิยมใส่คีย์เวิร์ดภาษาไทยลงไปใน Metadata ของภาพด้วย เพื่อให้สะดวกต่อการค้นหาภายหลัง เช่น หาดทราย ตึก พระพุทธรูป เป็นต้น เมื่อจะส่งภาพไปยังไมโครสต็อก ต้องทำการลบคีย์เวิร์ด (รวมทั้งคำอธิบายภาพ) ที่เป็นภาษาอื่น ๆ ออกให้หมด เหลือไว้แต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น
ต่อไปนี้คือสิ่งที่เป็นข้อห้ามในการส่งภาพสอบที่ Shutterstock
อย่าส่งภาพที่มีวันที่ หรือ ข้อความแสดงลิขสิทธิ์ใด ๆ ปรากฏอยู่ในภาพ มือใหม่จำนวนมากนิยมทำตราประทับเพื่อบอกชื่อ เว็บไซต์ หรือข้อความแสดงลิขสิทธิ์ของตนไว้บนภาพที่ยอดเยี่ยมของตนเองก่อนนำออกแสดงให้ผู้อื่นดูผ่านอินเตอร์เน็ต บางคนได้ลบภาพถ่ายต้นฉบับทิ้งไปแล้ว จึงได้นำเอาภาพที่มีสิ่งที่ว่านั้นส่งไปสอบ ซึ่งรับประกันได้ว่า ภาพลักษณะนี้จะไม่ผ่านอย่างแน่นอน
อย่าทำกรอบให้ภาพของคุณ คำว่า “ทำกรอบ” หมายถึง การใส่ลวดลายสวย ๆ หรือลวดลายกรอบภาพลงไปรอบๆ ภาพถ่ายของคุณ ไม่ได้หมายถึงภาพของ “กรอบรูป” ต่าง ๆ เช่น ภาพของกรอบรูปเก่า ๆ เป็นต้น
อย่าส่งภาพสแน็ปช็อต และชัตเตอร์สต็อกไม่รับภาพที่มีเงาแข็งที่ถ่ายโดยใช้แฟลชบนหัวกล้อง สำหรับความหมายของภาพแบบที่เรียกว่าสแน็ปช็อต ได้อธิบายไปแล้วในเล่มก่อนหน้านี้ ส่วนการใช้แฟลชตัวเล็ก ๆ ที่ติดมากับกล้องถ่ายภาพแบบเพียว ๆ นั้น ห้ามส่งอย่างเด็ดขาด เพราะไม่มีโอกาสเลยที่จะผ่านการพิจารณา เนื่องจากแฟลชชนิดนี้จะทำให้เกิดเงาที่แข็งและแสงที่ไม่สม่ำเสมอ ผิดจากมาตรฐานของไมโครสต็อกโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับการใช้แฟลชภายนอกที่ได้รับการจัดการหรือควบคุมเรื่องแสงเป็นอย่างดีนั้น ก็สามารถใช้ส่งได้ตามปกติ
อย่าส่งภาพสัตว์เลี้ยง เช่น หมา แมวของคุณที่ถ่ายด้วยสภาพแวดล้อมปกติในบ้านไปสอบเด็ดขาด แม้คุณจะรู้สึกว่า สัตว์เลี้ยงของคุณน่ารักน่าชังขนาดไหนก็ไม่ควรส่งภาพของพวกมันไปสอบ เพราะผู้ตรวจสอบภาพจะมองไม่เห็นว่าพวกมันน่ารักเหมือนที่คุณมอง ถ้าหากคุณต้องการจะส่งจริง ๆ ควรจะพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปยังสตูดิโอหรือจัดไฟสตูดิโอถ่ายภาพของพวกมันอย่างเป็นการเป็นงาน และใส่แนวคิดต่าง ๆ ลงไปในภาพให้มีเรื่องราวมากกว่าความน่ารักของตัวสัตว์เลี้ยงอย่างเดียว เช่น สุนัขกำลังนั่งทำท่าทางมีความสุขโดยมีหูฟังเสียบอยู่ในหูของมัน เป็นต้น จึงจะมีโอกาสผ่าน
อย่าส่งภาพที่ถ่ายแบบท่องเที่ยวทั่วไปไปสอบ ภาพประเภทนี้มักจะเป็นภาพที่นักถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปมีอยู่มากที่สุด เมื่อคุณดูภาพสถานที่ที่คุณเคยไปเที่ยวมาแล้ว คุณมักจะรู้สึกประทับใจเนื่องจากสายตาของคุณจะทำงานร่วมกับความทรงจำส่วนตัวของคุณเอง แต่สำหรับผู้ตรวจสอบภาพแล้ว พวกเขาไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับสถานที่นั้น พวกเขาจะตัดสินภาพจากสิ่งที่เห็นในจอเพียงอย่างเดียว ดังนั้น หากคุณจะส่งภาพเกี่ยวกับสถานที่ในประเทศไทย เช่น ชายทะเล ขอให้คุณเข้าไปที่ www.shutterstock.com แล้วใช้คีย์เวิร์ดคำว่า Thailand sea หรือถ้าเป็นภาพภูเขา ก็ใช้คีย์เวิร์ด Thai mountain ค้นหาดูว่า นักถ่ายภาพสต็อกคนอื่น ๆ เขาถ่ายภาพสถานที่ต่าง ๆ กันอย่างไรจึงจะผ่าน หรือถ่ายอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นภาพ “แนวสต็อก”
อย่าส่งภาพเดียวกัน แต่ทำเป็นภาพสี ภาพขาวดำ ภาพซีเปีย ฯลฯ ให้ส่งเป็นภาพสีอย่างเดียวพอ แม้ว่าเทคนิคนี้จะใช้ได้ผลสำหรับ Shutterstock ในขั้นตอนการส่งภาพขายจริงในภายหลัง ซึ่งภาพชุดซ้ำ ๆ หลายสีจะมีโอกาสผ่านเป็นชุด แต่ในการสอบนั้นแน่นอนว่าจะไม่ผ่าน ถ้าคุณไปถ่ายภาพวัตถุสักอย่างที่มีสีสันแตกต่างกันหลาย ๆ สีตั้งแต่แรก เช่น ลายผ้าทอสวย ๆ ที่ลายคล้าย ๆ กันแต่สีสันแตกต่างกัน ก็ให้เลือกที่คุณคิดว่าดีที่สุดส่งไปไม่เกิน 3 ภาพเท่านั้น ที่เหลือก็หาภาพวัตถุอื่น ๆ หรือแนวอื่น ๆ มาเพิ่มให้ครบ 10 ภาพแล้วค่อยส่ง
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการส่งภาพสอบ Shutterstock
ภาพที่เคยผ่านหรือเคยขายได้ที่ไมโครสต็อกแห่งอื่นๆ มาก่อน แม้แต่เคยผ่านที่ iStockphoto มาแล้ว ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะผ่านการสอบที่ Shutterstock การที่ผู้เขียนเคยบอกว่า มาตรฐานของ iStockphoto นั้นสูงที่สุดในบรรดาไมโครสต็อก ซึ่งถ้าคิดด้วยตรรกะแบบง่าย ๆ ภาพที่ผ่าน iStockphoto แล้วก็จะต้องผ่านที่ Shutterstock ได้ง่าย ๆ เช่นกัน แต่ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้เสมอไป ความเห็นของผู้ตรวจสอบภาพในไมโครสต็อกแต่ละแห่งไม่ใช่สูตรหรือกฎที่ตายตัว จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างกันได้เสมอ แม้แต่ความเห็นของผู้ตรวจสอบภาพที่ทำงานอยู่ในไมโครสต็อกแห่งเดียวกัน ก็มีบ่อยครั้งที่มีความเห็นแตกต่างกันได้เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่นักถ่ายภาพทำได้คือทำความเข้าใจหรือเตรียมใจไว้ก่อนสำหรับกรณีนี้
สมมติว่า ส่งสอบครั้งแรก มีภาพผ่าน 5 ภาพ ไม่ผ่าน 5 ภาพ เมื่อครบ 30 วันที่ต้องรอแล้ว เราสามารถส่งภาพที่สอบผ่าน 5 ภาพแรก รวมไปกับภาพใหม่อีก 5 ภาพ เพื่อสอบในครั้งที่สองได้ แต่ว่า ภาพที่ผ่านในครั้งแรก 5 ภาพนั้น อาจจะไม่ผ่านในครั้งที่สองก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ตรวจสอบภาพในแต่ละครั้งเป็นสำคัญ
เมื่อสอบผ่านแล้ว ภาพจะถูกนำเข้าไปอยู่ในหมวด New Artists เพื่อขายทันที ผู้ส่งสอบจะได้รับอีเมล์แจ้งว่าสอบผ่านแล้ว แต่จะยังไม่สามารถมองเห็นภาพใน Gallery ของตัวเองได้ จะต้องรอประมาณ 1-2 วันจึงจะมองเห็นได้ แต่ถ้าล็อกอินเข้าไปในฐานะลูกค้า และคลิกที่คำว่า New Artists ก็จะสามารถเห็นภาพของตัวอย่างอยู่ในหน้านี้ได้ เป็นเรื่องปกติที่ช่างภาพจะยังไม่ทันเห็นภาพตัวเองใน Gallery แต่ว่าภาพถูกขายได้ไปแล้วจำนวนหลายดาวน์โหลด
ที่ Shutterstock แม้ว่าขั้นตอนการสอบจะไม่ง่ายนัก แต่ถ้าหากว่าสอบผ่านแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในไมโครสต็อกที่รับภาพที่ส่งเข้าไปขายได้ง่ายมาก กล่าวได้ว่า รับภาพง่ายกว่าไมโครสต็อกที่ไม่ต้องสอบหลาย ๆ แห่งเสียอีก
การสอบผ่าน Shutterstock นั้นถือเป็นภารกิจสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่นักถ่ายภาพสต็อกทุกคนต้องทำให้ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจริงจังกับการถ่ายภาพสต็อกขาย การสอบผ่านที่นี่นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนไปสู่การเป็นนักถ่ายภาพสต็อกที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรายได้ที่จะได้รับ ซึ่งจะไม่ด้อยกว่าไมโครสต็อกแห่งใดในโลกนี้
ภาพขนมจีนนี้ เป็นภาพเดียวที่ไม่ผ่านในการสอบ เหตุผลที่ภาพนี้ไม่ผ่านการสอบ ทาง Shutterstock ระบุว่า White Balance ผิด
ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่าผิดจริงภาพมีสีฟ้าจาง ๆ อันเกิดจากการตั้ง White Balance ไม่ตรงกับสภาพแสง
อย่างไรก็ตาม มี 9 ภาพที่ผ่านการพิจารณา เป็นอันว่าผู้เขียนก็สอบผ่านในที่สุด