ช่วงที่ผมเริ่มรู้สึกว่าชอบการถ่ายภาพใหม่ๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นยังไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง ภาพแนวขาวดำ เป็นหนึ่งในรูปแบบภาพถ่ายที่มีความรู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ แม้จะไม่มีสีสันอื่นใดอยู่ในภาพ แต่ภาพประเภทนี้ที่ผ่านการถ่ายและจัดการด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็ยังคงให้ความรู้สึกที่มีพลังได้เป็นอย่างดี เมื่อหลายปีที่แล้ว ในยุคที่อินเตอร์เน็ตและ Google ยังไม่ใช่สิ่งสามัญประจำบ้านอย่างปัจจุบันนี้ ช่องทางที่จะมีโอกาสได้ดูภาพถ่ายสวยๆ มีอยู่ไม่กี่วิธี หนึ่งในนั้นคือดูจากนิตยสารเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ราวๆ เกือบยี่สิบปีที่แล้ว ผมได้เห็นภาพขาวดำชุดหนึ่งที่ติดตาตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นภาพอุทยานแห่งชาติ Yosemite ในสหรัฐอเมริกา ผลงานของบรมครูด้านการถ่ายภาพคนหนึ่งของโลก คือ Ansel Adams ภาพขาวดำชุดนี้ เป็นปฐมบทสำคัญยิ่งที่ทำให้ผมมีความชอบในภาพขาวดำตลอดมา
ในยุคดิจิตอล แม้ว่าเราจะไม่ได้ถ่ายภาพกันด้วยฟิล์มขาวดำ และทำภาพขาวดำกันด้วยเทคนิคห้องมืดกันแบบดั้งเดิม แต่กล้องดิจิตอลและโปรแกรมตกแต่งภาพ ก็สามารถตอบสนองจินตนาการในการสร้างภาพขาวดำของเราได้เช่นเดียวกัน เราจะไม่พูดหรือถกเถียงกันว่าภาพขาวดำที่ได้จากฟิล์มขาวดำและห้องมืด กับที่ได้จากกล้องดิจิตอลและโปรแกรมตกแต่งภาพ อย่างไหนจะดีกว่าด้อยกว่ากันอย่างไร เพราะนั่นเป็นสิ่งที่อาจจะถกเถียงกันไม่จบ ในฐานะคนชอบภาพขาวดำที่อยู่ในยุคกล้องดิจิตอลและโปรแกรมตกแต่งภาพ ผมก็ยังคงมีความสุขกับการสร้างสรรค์ภาพขาวดำในรูปแบบที่ผมชอบ และยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะคนขายภาพออนไลน์ ผมก็ยังพบว่า ภาพขาวดำส่วนหนึ่งที่ผมสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็ยังสามารถขายให้กับลูกค้าที่ยังคงมีความต้องการในภาพประเภทนี้ได้ดีอีกด้วย ดังนั้น ผมจึงขอนำเรื่องนี้มาฝากทุกท่าน ทั้งนักถ่ายภาพทั่วไปที่มีความชอบในภาพขาวดำ และนักถ่ายภาพสต็อกที่สนใจจะลองหารายได้จากภาพประเภทนี้กันครับ
อะไรที่ไปกันได้ดีกับ "ขาวดำ"
สีเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในภาพภาพหนึ่ง ในเมื่อปราศจากสีสันใดๆ ปรากฏอยู่ในภาพ แน่นอนว่าเราจะต้องหาสิ่งอื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจและความรู้สึกได้ดีพอๆ กันมาใส่ไว้ในภาพแทน ไม่ใช่ว่าวัตถุทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นหรือที่เราถ่ายมา จะกลายเป็นภาพขาวดำที่ดูน่าสนใจได้ บางสิ่งบางอย่างที่ดูดีเมื่อเป็นภาพสี กลับไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลยเมื่ออยู่ในรูปแบบของภาพขาวดำ แต่มีบ่อยครั้งที่ภาพซึ่งดูจืดชืดและไม่มีอะไรให้ติดตามค้นหาเมื่อเป็นภาพสีปกติ กลับเป็นภาพขาวดำที่มีพลังและน่าตื่นตาตื่นใจได้ ไม่มีคำตอบที่เป็นกฎ หรือมีสูตรสำเร็จที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ในการเลือกวัตถุมาเป็นภาพขาวดำ มีเพียงหลักการกว้างๆ ในการเลือกวัตถุ นอกนั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้สร้างสรรค์ภาพเป็นหลัก ภาพขาวดำก็เหมือนกับภาพแนวอื่นๆ ที่มันจะดูดีได้ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนการมองและตัดสินใจจากช่างภาพ ทำนองเดียวกับช่างภาพแนวทิวทัศน์ที่เก่งๆ จะมองขาดว่า พื้นที่ตามธรรมชาติส่วนไหนที่ถ่ายออกมาแล้วจะเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นพิเศษได้ หรือช่างภาพบุคคลฝีมือดี จะรู้ได้ทันทีที่เห็นว่า ควรจะถ่ายภาพตัวแบบในมุมใดหรือให้แสงอย่างไรจึงจะดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของคนคนนั้นออกมาแสดงในภาพ เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ก็ต้องอาศัยการศึกษาทฤษฎีและเรียนรู้ภาคปฏิบัติไปสักระยะ สิ่งที่เหมาะจะนำมาสร้างสรรค์เป็นภาพขาวดำ นอกจากเนื้อหาหรือความหมายของวัตถุในภาพโดยตรงแล้ว จะมีดังนี้ครับ
1. พื้นผิว
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งพื้นผิวมีความชัดเจนและมีรายละเอียดมาก ก็จะมีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสเป็นภาพขาวดำที่น่าสนใจได้มากกว่าเมื่อเทียบพื้นผิวที่เรียบและปราศจากรายละเอียด ยิ่งได้แสงที่มีทิศทางเหมาะสมเข้ามาเสริมอย่างพอเหมาะด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ภาพขาวดำที่ได้มีความสวยงามมากขึ้น
2. เส้นสาย ลวดลาย และรูปทรง
เส้นต่างๆ ที่ปรากฏอย่างเหมาะสมอยู่ในภาพขาวดำ จะทำหน้าที่ดึงความสนใจจากสายตาแทนที่สีสันต่าง ๆ ที่หายไปได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเส้นที่ปรากฏจะเป็นเส้นเดี่ยวอิสระที่มุ่งตรง เส้นโค้ง เส้นพาดโยงไปมาในภาพ หรือเส้นที่อยู่รวมกันอย่างมีระบบเป็นรูปแบบของลวดลายต่างๆ รวมไปถึงรูปทรงที่มีความเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเดี่ยวหรือรูปทรงที่ทับซ้อนอยู่กับรูปทรงอื่นๆ ก็มีโอกาสจะเป็นภาพขาวดำที่น่าสนใจได้เช่นกัน
3. ความเปรียบต่างของแสง
เมื่อไม่มีความเปรียบต่างของสีมาทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจ ความเปรียบต่างของแสงจึงเป็นพระเอกสำหรับภาพแนวนี้ ไม่มีกฎตายตัวว่า ความเปรียบต่างที่สูงหรือต่ำจะให้ภาพที่ดูดีกว่า ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของวัตถุและองค์ประกอบที่ช่างภาพเลือกวางลงไป แต่โดยทั่วไปส่วนใหญ่แล้วแสงที่มีความเปรียบต่างสูงจะถูกนำมาใช้งานมากกว่าในภาพประเภทนี้ เพราะมันมักจะให้ภาพที่ดูมีพลังสะกดสายตาได้ทันทีที่มอง แต่เนื้อหาบางอย่างในภาพก็มักจะดูไม่ดีนักในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูงมากๆ เช่น ภาพบุคคลขาวดำ หรือภาพดอกไม้ขาวดำ ซึ่งนิยมถ่ายด้วยแสงที่มีความเปรียบต่างค่อนข้างต่ำมากกว่าจึงจะดูนุ่มนวลน่าสนใจ
4. โทนสี
ถึงแม้ว่าภาพขาวดำจะปราศจากสีสันสดใส แต่พื้นที่ขาว ดำ และเทาเข้มอ่อนต่างกันซึ่งประกอบขึ้นเป็นภาพขาวดำ ก็มีพื้นฐานโดยตรงมาจากโทนสีต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ภายในภาพ สำหรับภาพที่ไม่อาจจะใส่ความเปรียบต่างอย่างชัดเจนของแสงลงไปได้ เช่น ภาพที่ถ่ายในสภาพอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน หรือในร่ม ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มีแสงสม่ำเสมอราบเรียบทั่วกันทั้งภาพ เราก็สามารถใช้โทนสีเป็นตัวกำหนดความเข้มอ่อนของพื้นที่ในภาพขาวดำ ทำให้เป็นภาพที่น่าสนใจได้เช่นเดียวกัน
ตามปกติแล้ว ในภาพขาวดำภาพหนึ่งๆ จะมีสิ่งที่กล่าวถึงข้างต้นนี้อยู่มากน้อยไม่เท่ากัน เช่น สำหรับภาพบางภาพ แค่เพียงรายละเอียดของพื้นผิวที่มีพลังดึงดูดสายตาเพียงอย่างเดียว ก็มากพอที่จะทำให้เป็นภาพที่จบสมบูรณ์ในตัวเองได้แล้ว บางภาพก็ใช้การผสมผสานกันระหว่างรูปทรงและความเปรียบต่างที่จัดๆ ของแสง เป็นต้น
หลากเทคนิค หลายวิธีในการสร้างสรรค์ภาพขาวดำ
ในยุคของฟิล์ม ภาพขาวดำเป็นทั้งศิลป์และศาสตร์ที่ไม่ใช่ใครคิดอยากจะทำก็ทำได้ทั่วไป นอกจากกล้องถ่ายภาพแล้วยังต้องมีเครื่องมืออื่นๆ เช่น อุปกรณ์ล้างอัดขยายภาพ รวมทั้งเทคนิคพิเศษที่ไม่ใช่ว่าจะเรียนรู้กันได้ง่ายๆ สูตรแต่ละสูตรของช่างภาพขาวดำที่เก่งๆ ซึ่งให้ภาพขาวดำที่สวยงามก็เป็นสิ่งที่แต่ละคนหวงแหน แต่ในยุคดิจิตอล นักถ่ายภาพทั่วๆ ไปถือว่าโชคดีที่มีวิธีในการสร้างภาพถ่ายขาวดำด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีการและเทคนิคมากมายจากโปรแกรมตกแต่งภาพ ปกติแล้วกล้องถ่ายภาพ DSLR จำนวนมากก็มีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพขาวดำในตัวอยู่แล้ว ซึ่งก็ให้ภาพต้นฉบับที่สวยงามในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของผมแล้ว ภาพขาวดำที่ได้จากกล้อง ก็ยังคงเป็นการแปลงโดย "โปรแกรม" อย่างหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่เป็นการแปลงโดยโปรแกรมที่อยู่ในกล้องเท่านั้น จากที่เคยลองดู พบว่าท้ายที่สุด เพื่อให้ได้ภาพที่ถูกใจหรือตรงตามความต้องการจริงๆ ก็ต้องเอามาปรับแต่งต่อในคอมพิวเตอร์ ด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพโดยเฉพาะ เช่น Photoshop เพิ่มอยู่ดี ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับผมเอง ก็คือการถ่ายภาพเป็นภาพสีตามปกติ ด้วยไฟล์ชนิด RAW แล้วนำมาปรับแต่งเองด้วย Photoshop หรือโปรแกรมตกแต่งภาพอื่นๆ เอาในภายหลังสำหรับการถ่ายภาพที่ตั้งใจนำมาปรับแต่งเป็นภาพขาวดำ การถ่ายเป็นไฟล์ JPG จะให้ผลในการปรับแต่งสู้ไฟล์แบบ RAW ไม่ได้เลยในทุกกรณีครับ
สำหรับใน Photoshop เองนั้น มีฟังก์ชั่นหรือเทคนิคต่างๆ ในการทำภาพสีให้เป็นภาพขาวดำมากมายหลายชนิด เท่าที่เคยทดลองจากคำแนะนำจากแหล่งต่างๆ ก็นับได้มากกว่า 5 มีทั้งแบบง่ายๆ และสลับซับซ้อน เช่น Photoshop CS5 (บทความนี้เขียนในขณะที่ CS6 เวอร์ชั่นปัจจุบันยังไม่ออก แต่ฟังก์ชั่นเหล่านี้ก็มีใน CS6 เช่นกัน) ที่ผมใช้อยู่จะมีคำสั่งเหล่านี้ที่ใช้ทำภาพขาวดำได้
1. Gradient Map วิธีการคือ เปิดภาพขึ้นมา คลิกที่ Create new fill or adjustment layer แล้วเลือก Gradient Map... จากนั้นปรับค่าตามใจชอบ
2. Grayscale วิธีการคือ เปิดภาพขึ้นมา เลือกคำสั่ง Image ตามด้วย Mode ตามด้วย Grayscale แล้วเลือก Discard
3. Desaturate วิธีการคือ เปิดภาพขึ้นมา เลือกคำสั่ง Image ตามด้วย Adjustments ตามด้วย Desaturate
และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งคำสั่งโดยตรงที่อยู่ในตัวโปรแกรม Photoshop เอง ไปจนถึงโปรแกรมเสริมหรือ Plug in ต่างๆ ที่สามารถเพิ่มเติมเข้ามาได้ แต่วิธีการที่ผมถนัดและใช้ในการแปลงภาพสีเป็นขาวดำมากที่สุดก็คือการใช้คำสั่ง Black & White (มีเฉพาะใน Photoshop CS3 ขึ้นไปเท่านั้น) คำสั่งนี้ใช้งานง่ายมาก ปรับค่าต่างๆ แยกกันได้อย่างยืดหยุ่นสำหรับภาพต้นฉบับที่มีค่าแสงค่าสีหรือลักษณะอื่นๆ แตกต่างกัน กล่าวได้ว่า ถ้าค่อยๆ ปรับอย่างเหมาะสมและใจเย็นพอ และนำไปปรับแต่งเพิ่มเติมร่วมกับคำสั่งอื่นๆ ด้วยแล้ว ก็สามารถให้ภาพขาวดำที่ตอบสนองต่อจินตนาการและครอบคลุมความต้องการทั่วไปได้เป็นอย่างดี ลองมาดูตัวอย่างปรับหรือแปลงภาพถ่ายสีไปเป็นภาพขาวดำตามกระบวนการที่ว่านี้กันดูสักภาพก็แล้วกันครับ
ภาพต้นฉบับภาพนี้ครับที่จะลองทำเป็นภาพขาวดำอย่างง่ายๆ เป็นตัวอย่าง
1. เปิดภาพที่ต้องการปรับแต่งขึ้นมาใน Camera RAW (ถ้าเราถ่ายภาพมาด้วยไฟล์ RAW จะไม่สามารถเปิดด้วย Photoshop โดยตรงได้ โปรแกรมจะเลือกการเปิดภาพผ่าน Camera RAW ให้ก่อนโดยอัตโนมัติ เราสามารถปรับแต่งคุณภาพเบื้องต้นได้ในขั้นตอนนี้ตามใจชอบ เสร็จแล้วก็คลิก Open Image ได้เลย ส่วนใครที่ถนัดใช้ Lightroom ในการปรับแต่งภาพเบื้องต้น ก็สามารถทำขั้นตอนนี้ใน Lightroom ได้เช่นกัน ให้ผลเหมือนกันครับ) จากนั้นคลิกที่ New fill or adjustment layer (ปุ่มกลมๆ เล็กๆ ที่มีสีขาวดำอย่างละครึ่ง อยู่ที่มุมล่างขวาของจอภาพ) แล้วเลือกคำสั่ง Black & white... เราก็จะเห็นพาเนลสำหรับการปรับภาพขาวดำปรากฏขึ้น และภาพของเราก็จะกลายเป็นภาพขาวดำไปแล้ว แต่เป็นขาวดำแบบบ้านๆ ที่มักจะยังไม่ค่อยดูตื่นตาตื่นใจหรือถูกใจเราเท่าใดนัก ในพาเนลนี้จะมีแถบสำหรับลากเพื่อปรับค่าสีต่างๆ ที่อยู่ในภาพ ซึ่งแต่ละภาพต้องการการปรับไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่า ภาพนั้นๆ มีสีอะไรบ้าง ลองใช้เม้าส์คลิกที่ค่าสีต่างๆ แล้วลากไปมาซ้ายขวาดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับภาพของเราบ้าง ทีนี้เราจะพบว่า เราสามารถปรับหรือควบคุมน้ำหนักหรือโทนของภาพขาวดำของเราได้อย่างอิสระตามใจชอบ ปรับขั้นตอนนี้ตามที่เราคิดว่าเหมาะสมหรือพอใจ นับจากนี้ ภาพจะสวยไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นหลักแล้วครับ
2. เมื่อปรับภาพขั้นต้นตามความพอใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดกระบวนการ เราสามารถทำให้ภาพเปลี่ยนแปลงไปตามที่เราต้องการได้อีก ด้วยการเรียกคำสั่ง Curve (เรียกจากตำแหน่งเดียวกับที่เรียกคำสั่ง Black & white... นั่นแหละครับ) แล้วก็จัดการลองลากๆ ดัดๆ เส้นปรับภาพดูตามใจชอบ ใครไม่ถนัดปรับด้วยตัวเอง ก็จะมี Presets หรือค่าที่ตั้งสำเร็จรูปแล้วมาให้ใช้หลายแบบ ลองเปลี่ยนดูครับ การดัดเส้น Curve นี้ สำหรับมือใหม่อาจจะรู้สึกว่าดูเป็นวิชาการและน่าจะยาก แต่จริงๆ แล้วสำหรับการทำภาพขาวดำ ง่ายมากครับ ทดลองดูสักพักก็จะเข้าใจหลักการและเริ่มสนุกกับการเปลี่ยนแปลงที่เรากำหนดได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
3. เมื่อได้ภาพขาวดำขั้นต้นพอใจแล้ว ก็มาถึงเคล็ดลับสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำภาพขาวดำให้ดูโดดเด่น คือเทคนิคที่เรียกว่า Dodge และ Burn เทคนิคสองอย่างนี้ช่างภาพที่ทำงานในห้องมืดสำหรับการทำภาพขาวดำในยุคฟิล์ม จะเรียกกันว่า บัง และ เผา เป็นเทคนิคที่ถือเป็นเทคนิคบังคับสำหรับงานห้องมืดที่มีคุณภาพสำหรับช่างภาพยุคนั้นเลยทีเดียว การบังและเผาอย่างถูกต้องเหมาะสม จะทำให้ได้ภาพที่มีความสวยงามโดดเด่น ในโปรแกรม Photoshop เราใช้ Dodge และ Burn เป็นเครื่องมือสำหรับการ บัง และ เผา ซึ่งก็คือ การทำให้ภาพสว่าง (Dodge) หรือมืด (Burn) ในจุดที่เราต้องการ และในน้ำหนักที่เราต้องการด้วย คำสั่งทั้งสองนี้จะอยู่ในแถบเมนูด้านซ้ายของจอภาพ หัวใจของเทคนิคนี้มีอยู่สองอย่างคือความฟุ้งหรือความคมของหัวแปรงที่เหมาะสมดูเป็นธรรมชาติ กับค่าน้ำหนักของความสว่างหรือมืดของภาพตามที่เราต้องการ ความฟุ้งหรือความคมของหัวแปรงที่นำมาระบาย จะเป็นตัวกำหนดความเป็นธรรมชาติของรอยต่อระหว่างค่าแสงต่างๆ ส่วนค่าน้ำหนักของความสว่างหรือมืด (Exposure) นั้นกล่าวได้ว่า เป็นตัวกำหนดเลยว่าภาพจะสวยหรือไม่สวย ค่าตั้งแต่ 1 ถึง 100 ที่เราเลือกได้นี้ไม่มีกฎตายตัวสำหรับการระบายแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับความชอบและประสบการณ์ของช่างภาพเป็นสำคัญ ด้วยคำสั่ง Dodge หรือ Burn เราสามารถกำหนดน้ำหนักความขาว เทา ดำในภาพได้อย่างอิสระตามจินตนาการของเราเลยครับ ข้อควรระวังก็คือ การ Dodge และ Burn ที่หนักมือเกินไปจะทำให้คุณภาพของภาพโดยรวมเสียหายได้ สำหรับนักถ่ายภาพทั่วไปที่ต้องการทำภาพขาวดำไว้ดูหรือใช้งานส่วนตัวอาจจะมีอิสระมากกว่าในการปรับภาพกันแบบ "สุดขั้ว" เพื่อตอบสนองความพอใจ แต่สำหรับการสร้างสรรค์ภาพขาวดำโดยมีวัตถุประสงค์สำหรับการขายออนไลน์ต้องระวังในเรื่องนี้ให้มากๆ เพราะอาจจะทำให้ภาพถูก Rejected จากผู้ตรวจภาพด้วยข้อหา Over Filtered หรือ การปรับแต่งมากเกินไปได้ครับ
สำหรับตัวผมเอง จากภาพจำนวนหลายพันภาพใน Shutterstock ถ้าเรียงตามลำดับความนิยม ทั้งจำนวนสถิติการเข้าชมและสถิติการดาวน์โหลดจากลูกค้า ภาพขาวดำจะติดอันดับกลุ่มภาพยอดนิยมเสมอ ดังนั้นภาพในรูปแบบนี้ จึงเป็นภาพที่น่าสนใจทั้งสำหรับผู้ถ่ายภาพในแนวสร้างสรรค์ทั่วไป และช่างภาพผู้สร้างสรรค์ภาพสำหรับขายออนไลน์ด้วยครับ ด้านล่างนี้เป็นภาพที่ขายอยู่ใน Microstock ทั้งสิ้น แต่ว่าการทำเป็นขาวดำนั้นใช้วิธีการและใช้โปรแกรมหลากหลายเข้ามาช่วยนะครับ ทั้ง Lightroom, Photoshop และโปรแกรมอื่นๆ (โปรแกรมที่ผมใช้ประจำอีกโปรแกรมหนึ่ง ชื่อ Perfect Effect ครับ) ก็แล้วแต่ถนัดนะครับ บทความนี้เพียงแต่อยากบอกเป็นแนวกว้างๆ ว่า ภาพขาวดำสามารถขายได้ใน Microstock อย่างแน่นอนครับ
บทความโดย สุระ นวลประดิษฐ์