ไมโครสต็อกมีลักษณะเหมือนธุรกิจการค้าขายทั่วไป คือมีช่างภาพซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตสินค้า และมีช่องทางการขายสินค้าหลาย ๆ ช่องทางให้วางสินค้าจำหน่าย แต่ละแห่งก็มีกลุ่มเป้าหมายและรายละเอียดทางการตลาดแตกต่างกัน ไมโครสต็อกมีมากมายหลายแห่ง มีทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก มีทั้งเกิดใหม่และเลิกกิจการไป ช่างภาพแต่ละคนมีกลยุทธในการส่งภาพขายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเหตุผลและสภาวะแวดล้อมของแต่ละคน
บางคนเลือกที่จะเป็น Exclusive หรือช่างภาพประจำให้กับไมโครสต็อกเพียงแห่งเดียว เพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นต่อการดาวน์โหลดหนึ่งครั้ง และมีเวลาไปสร้างสรรค์ภาพดี ๆ ที่มีคุณภาพสูง หรือทำงานอย่างอื่นในกรณีที่ไม่ได้ขายภาพแบบเต็มเวลา บางคนก็เลือกที่จะส่งภาพไปยังไมโครสต็อกหลัก ๆ เพียงสองสามแห่งที่ทำรายได้สูงสุดในวงการขายภาพออนไลน์ ในขณะที่บางคนเลือกจะส่งภาพไปยังไมโครสต็อกทุกแห่งเท่าที่สามารถส่งได้ เหตุผลของช่างภาพกลุ่มหลังก็คือ เป็นการกระจายความเสี่ยง และกระจายพื้นที่วางจำหน่ายสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสการขาย ไมโครสต็อกเล็ก ๆ บางแห่งที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ อาจจะไม่เป็นที่สนใจของช่างภาพสต็อกรุ่นใหญ่ แต่ก็สามารถทำรายได้ให้กับช่างภาพมือใหม่หรือช่างภาพระดับกลาง ๆ ที่เข้าไม่ถึงไมโครสต็อกยักษ์ใหญ่ได้เป็นอย่างดีก็มี
สำหรับช่างภาพสต็อกมือใหม่ กลยุทธการส่งภาพไปยังไมโครสต็อกขนาดกลาง ๆ หรือไมโครสต็อกเกิดใหม่บางแห่ง ก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งก็คือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไมโครสต็อกยักษ์ใหญ่อย่าง iStockphoto ได้กวาดเอาช่างภาพสต็อกฝีมือดีจำนวนมากไปเป็นช่างภาพแบบ Exclusive เรียบร้อยแล้ว ช่างภาพเหล่านั้นไม่มีโอกาสส่งภาพไปที่อื่นอีกแล้ว ดังนั้น ในขณะที่ช่างภาพสต็อกมือใหม่ อาจจะเข้าถึงหรือต่อสู้ใน iStockphoto ได้ยาก แต่เมื่อมีไมโครสต็อกเกิดใหม่ หรือไมโครสต็อกที่เริ่มมองเห็นอนาคตที่ดี ตลาดนี้ก็จะเป็นตลาดที่ช่างภาพฝีมือดีแต่เป็น Exclusive ไปแล้วก็ไม่สามารถลงมากินส่วนแบ่งได้เช่นกัน เป็นโอกาสของบรรดาไมโครสต็อกเกอร์ระดับเริ่มต้นทั้งหลาย ที่จะเริ่มสะสมภาพและเจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กับไมโครสต็อกใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้ การส่งภาพไปยังไมโครสต็อกหลาย ๆ แห่ง จะใช้เพียงเวลาเท่านั้นที่ต้องเพิ่มขึ้น ในส่วนของภาพนั้นสามารถใช้ภาพเดิมที่มีอยู่ส่งซ้ำไปได้ทุกแห่ง เนื่องจากว่า ภาพที่เราขายอยู่ในไมโครสต็อกนั้น เป็นลิขสิทธิ์ของเราอย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่เรายังไม่ได้ส่งภาพแบบ Exclusive เราก็ยังคงสามารถส่งภาพไปขายที่ไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ
ไมโครสต็อกหลักที่ผมแนะนำไว้ในหนังสือชุด “รวยทะลุเลนส์” คือ www.123rf.com www.fotolia.com www.dreamstime.com www.shutterstock.com www.iStockphoto.com เป็นไมโครสต็อกชั้นแนวหน้าเจ้าเก่าที่ช่างภาพสต็อกทั่วไปรู้จักกันดี ช่างภาพส่วนใหญ่ก็ขายภาพออนไลน์กันในเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพหลักทั้ง 5 แห่งนี้ แต่ก็ยังมีไมโครสต็อกขนาดกลางและไมโครสต็อกเกิดใหม่บางแห่ง ที่น่าสนใจและดูมีอนาคตซึ่งนักถ่ายภาพสต็อกชาวไทยกลุ่มหนึ่งได้ทดลองส่งภาพเข้าไปขาย และทำรายได้ได้ดีพอสมควร ซึ่งผมอยากให้นักถ่ายภาพสต็อกที่ยังไม่เคยลองส่ง ได้ลองส่งดูถ้าหากมีเวลามากพอ การแนะนำให้ช่างภาพส่งภาพเข้าไปมาก ๆ มองในแง่หนึ่งเป็นการแนะนำคู่แข่งเข้าไปขายภาพแข่งกับช่างภาพเดิม ช่างภาพที่ขายภาพอยู่แล้วบางรายอาจจะไม่ชอบ แต่มองในอีกมุมหนึ่ง ในมุมของลูกค้า การที่มีช่างภาพสต็อกส่งภาพที่มีคุณภาพดี มีเนื้อหาหลากหลายมากมายเข้าไปขายกันเยอะ ๆ ในไมโครสต็อกแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะไมโครสต็อกกลาง ๆ หรือเกิดใหม่ จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจว่า เมื่อเข้ามาค้นหาภาพในไมโครสต็อกแห่งนั้นแล้ว ก็จะได้ภาพที่ต้องการไปใช้งานอย่างแน่นอน ลูกค้าของไมโครสต็อกแห่งนั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โอกาสในการขายโดยรวมก็มากขึ้น ลองคิดถึงตัวเราในฐานะผู้ซื้อสินค้า เราคงไม่อยากไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าที่มีขนาดเล็ก หรือมีสินค้าไม่กี่อย่างให้เราเลือกซื้อ ถ้าเลือกได้เราก็ต้องเลือกห้างหรือร้านที่มีสินค้าหลากหลายมากที่สุด หรือแม้แต่เป็นร้านค้าเฉพาะอย่าง เฉพาะทาง (เช่น ร้านขายเครื่องสำอางอย่างเดียว ร้านขายวัสดุเกี่ยวกับบ้านโดยเฉพาะ เป็นต้น) ก็ต้องมีสินค้ากลุ่มดังกล่าวหลากหลาย Items เป็นพิเศษเช่นเดียวกัน ถ้าห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้านั้นอยู่ใกล้บ้านเรา หรือมีโครงสร้างราคา มีโปรโมชั่น ฯลฯ ที่เราต้องการอยู่พอดี เราก็คงไม่ลังเลที่จะเป็นลูกค้าของห้างหรือร้านนั้นเป็นแน่ ดังนั้น การส่งเสริมให้ช่างภาพเข้าไปขายภาพในไมโครสต็อกระดับกลาง ๆ หรือที่เปิดใหม่มาก ๆ จึงเท่ากับเป็นการทำให้ไมโครสต็อกเหล่านั้น มีสินค้าที่มีคุณภาพดีหลากหลายมากขึ้น ลูกค้าก็จะมากขึ้น และโอกาสการขายของทุกคนก็จะเพิ่มมากขึ้นในที่สุด
ไมโครสต็อกกลางๆ หรือเปิดใหม่บางแห่ง แม้จะมีขนาดเล็ก มีจำนวนภาพน้อย มียอดขายไม่มาก ต้องการช่างภาพ ต้องการปริมาณภาพอยู่อีกจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่า ทุกแห่งจะรับช่างภาพหรือรับภาพแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อการเจริญเติบโตที่มั่นคงและภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจในอนาคต การคัดเลือกช่างภาพที่มีฝีมือดี และคัดเลือกเฉพาะภาพที่มีคุณภาพดีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอย่างเข้มงวด ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาคุณภาพงานเบื้องต้นของช่างภาพแต่ละคนก่อนว่า จะเปิดให้ส่งภาพไปขายในไมโครสต็อกแห่งนั้น ๆ หรือไม่ การส่งภาพให้พิจารณานี้ ช่างภาพสต็อกชาวไทยเรานิยมเรียกกันว่า “การสอบ” เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ สอบผ่านก็ได้ขายภาพในไมโครสต็อกแห่งนั้น สอบตกก็ต้องสอบใหม่ ไมโครสต็อกทุกแห่งเปิดโอกาสให้ช่างภาพที่สอบตก มีโอกาสสอบใหม่เสมอ แตกต่างกันเพียงแต่ระยะเวลาหรือรายละเอียดในการส่งสอบเท่านั้น
การส่งภาพสอบในเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพออนไลน์ขนาดกลางหรือเกิดใหม่นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะผ่านกันได้ง่าย ๆ บางแห่งมีเกณฑ์ในการพิจารณาสูงและเข้มงวดในการคัดเลือกช่างภาพมากกว่าไมโครสต็อกระดับ Top Class ของโลกเสียอีก ช่างภาพบางรายสอบผ่าน Shutterstock และ iStockphoto ซึ่งถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการขายภาพออนไลน์แล้วเป็นปี แต่ก็สอบไม่ผ่านไมโครสต็อกเกิดใหม่บางแห่งอยู่เป็นปีเช่นกัน คำถามที่ผมได้รับหรือผ่านตาบ่อย ๆ ก็คือ จะต้องส่งภาพอะไร ภาพแบบไหน ไปสอบจึงจะมีโอกาสผ่าน เราจะมาดูกันครับ
ในส่วนของตัวผมเองนั้น บรรดาไมโครสต็อกที่ต้องสอบทั้งหมด ทั้งเก่าและใหม่ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่ผมได้เคยลองสอบตามที่มีรายชื่อด้านล่างนี้ ไมโครสต็อกที่ผมต้องส่งสอบเกินหนึ่งครั้งนั้น มีอยู่แห่งเดียวคือ iStockphoto เท่านั้น นอกจากนั้นส่งสอบครั้งเดียวผ่านทั้งหมด โดยบางแห่งนั้น เป็นการสอบเพื่อที่จะลองวิชาหรือหาความรู้หรือข้อมูลสำหรับการตอบคำถามของเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวสต็อกเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ส่งภาพไปขายจริงแต่อย่างใดเนื่องจากไม่มีเวลา ไมโครสต็อกใหม่ ๆ ที่ไม่มีอยู่ในหนังสือ “รวยทะลุเลนส์” ที่ผมสอบผ่านแล้วมีดังนี้
ไมโครสต็อกเกิดใหม่ที่เข้มงวดในการคัดเลือกช่างภาพ รวมทั้งเข้มงวดในการคัดเลือกภาพเข้าสู่ฐานข้อมูลของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง การสอบที่นี่ถือว่าผ่านยากมากพอสมควร (ตามความเห็นของผม มีโอกาสผ่านน้อยกว่า www.shutterstock.com และ www.istockphoto.com เสียอีก) แต่ผมก็ยังขอแนะนำให้นักถ่ายภาพสต็อกทุกคน พยายามส่งภาพสอบที่นี่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะผ่านให้ได้ เนื่องจากไม่มีการกำหนดว่าให้สอบได้กี่ครั้ง สอบตกก็สอบใหม่ได้เรื่อย ๆ บางคนสอบไปเกือบยี่สิบรอบก็ยังไม่ผ่านสักที ทั้ง ๆ ที่ผ่านไมโครสต็อกหลักอื่น ๆ ครบทุกแห่งแล้ว เหตุผลที่แนะนำให้พยายามสอบไปเรื่อย ๆ ก็เพราะว่า เมื่อสอบผ่านแล้ว รายได้ที่ได้จากไมโครสต็อกแห่งนี้ ถือว่า ไม่แพ้ใครเหมือนกัน จำนวนภาพที่ได้รับ Approved เพียงสองสามร้อยภาพ ก็สามารถทำรายได้อย่างน่าพอใจ
ไมโครสต็อกแห่งนี้ สำหรับการสอบ เราต้องส่งภาพให้เขาพิจารณาอย่างน้อย 2 ภาพ แต่ตอนสอบ ผมส่งไปทั้งหมด 3 ภาพ ตามนี้ครับ
ไมโครสต็อกที่มีช่างภาพชาวไทยขายภาพอยู่มากพอสมควร และดูแล้วมีอนาคตสดใสดี การสอบถือว่าไม่ยากเกินไปนักเมื่อเทียบกับไมโครสต็อกระดับเดียวกัน การรับภาพก็ไม่ถึงกับเข้มงวดเกินไป ต้องการภาพ 5 ภาพสำหรับการพิจารณา ผมส่งภาพชุดนี้ไปสอบ และผ่านในครั้งเดียว
ไมโครสต็อกกลางเก่ากลางใหม่ที่มีฐานลูกค้ามากพอสมควรในแถบยุโรปและอเมริกา ต้องการภาพสอบจำนวน 10 ภาพ ปรากฏว่ามีภาพที่ได้รับการ Approved เข้าไปอยู่ใน Public Profile หรือ Portfolio ชุดแรกจำนวน 7 ภาพ ไปอยู่ในกลุ่ม Rejected อีก 3 ภาพ เท่ากับว่า ผ่าน 7 ไม่ผ่าน 3 แต่ก็สรุปว่า สอบผ่านได้เป็นช่างภาพของ Veer ในที่สุด นี่คือภาพทั้งสิบภาพครับ
ชุดที่ผ่าน
ชุดที่ไม่ผ่าน
เว็บไซต์ตัวแทนขายภาพออนไลน์ที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ขายภาพในราคากลาง ๆ ความยากในการสอบและคัดเลือกภาพก็อยู่ในระดับประณีประนอมระหว่างมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ที่นี่ต้องการภาพสำหรับการสอบจำนวน 5 – 10 ภาพ แล้วแต่ใครจะส่งเท่าใดระหว่างจำนวนนี้ ผมเลยส่งไป 6 ภาพ และสอบผ่านด้วยภาพชุดนี้ครับ
ไมโครสต็อกลูกผสมกึ่งมาโครสต็อก ขายภาพตั้งแต่ราคา 5 เหรียญไปจนถึงหลายร้อยเหรียญ เป็นแหล่งชุมนุมมือเซียนในวงการภาพสต็อกอีกแห่งหนึ่ง คัดเลือกภาพคุณภาพสูง หลักเกณฑ์การตรวจภาพเข้มงวดมาก ที่นี่ต้องการภาพสำหรับสอบจำนวน 4 ภาพ ซึ่งผมสอบผ่านด้วยภาพชุดนี้ครับ
ไมโครสต็อกแห่งล่าสุดที่ผมสอบผ่านคือ www.graphicleftovers.com ซึ่งจะต้องส่งภาพสอบจำนวน 20 ภาพ และข้อควรระวังก็คือ ที่นี่ห้ามส่งภาพที่เข้าข่ายต้องใช้ Model Release ไปสอบเป็นอันขาด ส่งได้เฉพาะภาพทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น หลังจากส่งภาพไปได้ประมาณสามวัน ผลสอบก็ออกมา ปรากฏว่าสอบผ่านครับ ภาพชุดที่ใช้ส่งสอบมีดังนี้
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่า ในบรรดาไมโครสต็อกที่สอบผ่านนั้น ส่วนใหญ่ผมก็ใช้ภาพชุดที่ซ้ำ ๆ กันวนไปวนมา และภาพส่วนใหญ่ก็ถ่ายด้วยกล้องและเลนส์ธรรมดา ๆ ที่ไม่ถึงกับ “โปร” แต่อย่างใด เกือบทั้งหมดมาจาก Canon 450D เพื่อนยากของผม กับ Tamron 17-50 มม. f 2.8 เท่านั้น แถมยังแสงธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ มีภาพที่ใช้แฟลชในการถ่ายไม่กี่ภาพเท่านั้น และแฟลชที่ใช้ ก็เป็นแฟลชราคาถูกขวัญใจคนจน ยี่ห้อ Yougnuo อีกด้วย ไม่ได้มีอะไรที่หรูหราไฮโซแต่อย่างใด ดังนั้น ผมขอยืนยันว่า นักถ่ายภาพที่ครอบครองอุปกรณ์ระดับพื้น ๆ ธรรมดาสามัญทั่วไปก็สามารถมั่นใจได้ว่า ถ้าหาก เข้าใจในหลักการของภาพสต็อกและเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและเทคนิคในการถ่ายภาพอย่างเข้มข้นแล้ว ก็สามารถจะสอบผ่าน ได้เป็นอย่างภาพของไมโครสต็อกต่าง ๆ ได้ไม่ยาก ไม่ว่าไมโครสต็อกแห่งนั้น จะเข้ม เขี้ยว สอบยากเพียงใดก็ตาม สำหรับแนวคิดพื้นฐานในการส่งภาพสอบก็คือ
ภาพสต็อก หรือ Stock Photography มีรูปแบบ แนวทางเฉพาะตัวสำหรับภาพประเภทนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลักษณะแสง การวางองค์ประกอบ การให้เนื้อหาเรื่องราวในภาพ (รายละเอียดเหล่านี้ อยู่ในหนังสือของผมทั้งสามเล่ม ในบทความต่าง ๆ หน้าเว็บไซต์แห่งนี้ รวมทั้งมีอยู่มากมายในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์แห่งนี้ครับ) ผู้ตรวจภาพแม้จะอยู่กันคนละสังกัดไมโครสต็อก แต่ก็มีมาตรฐานของ “ภาพสต็อก” ในการตัดสิน ซึ่งมาตรฐานนี้ เป็นสิ่งซึ่งผมยืนยันว่าสามารถใช้ได้กับไมโครสต็อกทุกๆ แห่งเหมือนกันหมด ดังนั้น ช่างภาพสต็อกมีภาระหน้าที่เบื้องต้นในการทำความเข้าใจกับคำว่า “ภาพสต็อก” หรือ “Stock Photography” ให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะเริ่มถ่ายภาพ หรือเริ่มขายภาพ เมื่อพื้นฐานความเข้าใจในหลักการของภาพสต็อกชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว การที่จะดูหรือเลือกว่า ภาพไหนเป็นภาพที่เหมาะสำหรับส่งสอบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อหาภาพหรือคุณภาพของไฟล์ ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินความสามารถของคนรักการถ่ายภาพอย่างแน่นอน