บรรดาภาพสต็อกที่อยู่ในกลุ่มขายได้เรื่อย ๆ ประเภทว่าถ้ามีภาพสวย ๆ ก็ไม่ต้องกลัวขายไม่ออก ต้องนับรวมภาพประเภท “อาหารและเครื่องดื่ม” เข้าไปด้วย โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่ดูแล้วเป็นสากล อย่าง กาแฟ ขนมหวานประเภทเบเกอรี่ หรือขนมปัง เป็นต้น รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ก็มีดาวน์โหลดสม่ำเสมอเช่นกัน ภาพอาหารและเครื่องดื่มสวย ๆ ช่วยให้เราได้เงินที่จ่ายไปคืนมาได้ไม่ยาก เรามาลองดูกันว่า จะถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่มอย่างไรให้ดูดีและขายได้
จริง ๆ แล้วการถ่ายภาพประเภทนี้ ทำได้หลายวิธี วิธีที่ดีที่สุดคือ การจัดไฟหรือจัดแสง จัดฉากถ่ายในสตูดิโอ ซึ่งจะได้ภาพที่สวยงามและมีคุณภาพสูง แต่คำว่า ถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่มแบบ Reality Shot ที่ผมจั่วหัวไว้นี้ หมายถึงการถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่มในสถานการณ์จริง คือในร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่เราเข้าไปรับประทานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจะไม่สามารถจัดฉาก จัดแสงหรือออกแบบทิศทางแสงได้ตามความต้องการ ไม่ใช้แม้กระทั่งแฟลชหัวกล้อง รวมทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่และเวลาในการถ่ายอยู่มากมาย การเตรียมตัวให้พร้อมทุกสถานการณ์ จะช่วยให้มีโอกาสได้ภาพสวย ๆ โดยทำตัวกลมกลืนไปกับการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มตามปกติ คำว่า Reality Shot นี้ไม่ได้เป็นศัพท์ทางการถ่ายภาพอะไรที่ไหน แต่เป็นคำที่ผมคิดขึ้นมาเอง เพื่อใช้เรียกในบทความเรื่องนี้เท่านั้นครับ
ก่อนหน้านี้สักสามสี่ปีก่อน การถือกล้องเข้าร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ แล้วยกกล้องขึ้นถ่ายภาพทุกอย่างที่ยกมาเสิร์ฟ ก่อนจะลงมือรับประทานหรือดื่มนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินัก คนทั่วไปรวมทั้งพนักงานในร้านอาหาร อาจจะมองดูด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ หลังจากวัฒนธรรม Facebook ได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางทั่วทุกหัวระแหง ใครเข้าร้านอาหารสวย ๆ ร้านกาแฟหรู ๆ แพง ๆ หรือสั่งชุดอาหาร เครื่องดื่มที่จัดอย่างสวยงามน่ารัก แล้วไม่ยกกล้องประเภทใดประเภทหนึ่งขึ้นมาถ่ายภาพ กลับจะดูเป็นของแปลกมากกว่าเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะร้านอาหารหรือร้านกาแฟที่อยู่ในเส้นทางและในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ภาพลูกค้าถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่ม เป็นภาพที่เจ้าของร้านและพนักงานในร้าน เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ร้านอาหารและเครื่องดื่มหลาย ๆ ร้าน (ที่ไม่ใช่ร้านประเภทมีสาขาเยอะ ๆ มียี่ห้อสากล) ยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ลูกค้าถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่ม เพราะนั่นคือการประชาสัมพันธ์ร้านอย่างดีอีกช่องทางหนึ่ง
วัฒนธรรม Facebook นี่เองที่ทำให้ช่างภาพประเภท Stock Photography พลอยได้รับอานิสงส์ในการได้ภาพถ่ายอาหารและเครื่องดื่มสวย ๆ เข้าสู่ Portfolio มากขึ้น ต่อไปนี้เป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่มแบบ Reality Shot ไม่จัดฉาก ไม่จัดไฟ ไม่ใช่แฟลช ถ่ายไปกินไป ซึ่งจะเน้นการถ่ายภาพในแนว Stock Photography เป็นหลัก (เนื่องจากเว็บไซต์แห่งนี้เน้นภาพสไตล์นี้ครับ) แต่ก็สามารถนำไปใช้กับการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น เช่น ลง Facebook หรือเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก ก็ได้เช่นกัน
เลือกร้านอาหารเป้าหมาย
ถ้าคิดจะถ่ายภาพสวย ๆ อันดับแรกต้องเลือกร้านก่อนครับ แน่นอนว่า ในการเดินทางท่องเที่ยว เกือบทั้งหมดของร้านที่เราเข้าไป เราก็มักจะไม่เคยเข้ามาก่อน ข้อมูลเกี่ยวกับร้านนั้นมีน้อยมาก ยกเว้นเป็นร้านมีชื่อเสียง หรือเพื่อนฝูงคนรู้จักเคยไปมาแล้ว อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ในกรณีไม่รู้อะไรเลย ก็เลือกร้านที่การตกแต่งภายนอกดูดีมีรสนิยมนิดหนึ่งก็ได้ครับ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาเดินงุด ๆ เข้าร้านไม่ดูองค์ประกอบภายนอกก่อนเข้า ถ้ามีร้านให้เลือกหลาย ๆ ร้าน ก็เลือกร้านที่ดูดีและสะอาดกว่าเสมอครับ แม้ว่าราคาอาหารและเครื่องดื่มอาจจะสูงกว่าบ้าง แต่ถ้าเทียบกับการมีโอกาสได้ภาพสวย ๆ แล้ว คนรักการถ่ายภาพทั่วไปก็ยอมรับได้เสมอ ยิ่งเป็นช่างภาพประเภทสต็อกด้วยแล้ว น่าจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน ร้านอาหารและเครื่องดื่มสวย ๆ เก๋ ๆ ที่น่าจะถ่ายภาพออกมาแล้วดูดี ปัจจุบันนี้มีมากมายเลือกกันไม่หวาดไม่ไหว
ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ควรเอาไว้เข้าในยามปกติทั่วไปที่ไม่ต้องการถ่าย ภาพ ก็คือ ร้านอาหารประเภทมีแบรนด์ซึ่งมีสาขามาก ๆ ทั้งหลาย เช่น แบล็คแคนยอน เป็นต้น ร้านกาแฟก็พวก สตาร์บัคส์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในร้าน (อาจจะอนุโลมสำหรับกล้องมือถือหรือสมาร์ทโฟนบ้าง แต่สำหรับ DLSR คงหมดสิทธิ์)
เตรียมตัวเข้าร้าน
ถ้ามีเป้าหมายในการได้รูปสวย ๆ ก็ต้องมีการเตรียมตัวบ้างก่อนเข้าร้าน ถ้านำกระเป๋ากล้องเข้าไปในร้านได้ ก็ยกไปทั้งกระเป๋าเลย จะได้หยิบอุปกรณ์ออกมาให้เหมาะสมกับการใช้งานได้สะดวก แต่ถ้าดูแล้วเหมาะกับการการพกกล้องตัวเดียวเลนส์ตัวเดียวมากกว่า ก็ต้องเลือกเลนส์ที่น่าจะใช้งานได้เหมาะที่สุด ถ้ามีเลนส์มาโครสัก 50 มม. กำลังเหมาะ จากประสบการของผม 100 มม. ค่อนข้างใช้ระยะห่างเกินไปในการถ่าย โดยเฉพาะถ้าเราต้องการถ่ายภาพแบบนั่งถ่ายกับโต๊ะตามปกติ ไม่อยากยืนหรือถอยห่างจากโต๊ะให้เป็นเป้าสายตาคนอื่น สำหรับเลนส์มาโคร 100 มม. หากว่าเป็นกาแฟหรือขนมถ้วยเล็ก ก็พอจะถ่ายได้ไม่ลำบากมากนัก แต่ถ้าเป็นอาหารจานใหญ่ มักจะต้องลุกขึ้นยืนหรือถอยออกจากเก้าอี้เล็กน้อยจึงจะเก็บภาพได้หมด ดังนั้น ถ้ามีเลนส์มาโคร 50 มม. ก็พกติดกล้องไปได้เลย
แต่ถ้าไม่มีเลนส์ที่ว่านั้น ก็ใช้เลนส์อื่น แต่เลนส์เทเลลืมไปได้เลยครับ งานนี้เราต้องพึ่งเลนส์ซูมระยะกลาง ราว ๆ สัก 17 – 70 มม. (แล้วแต่ช่วงเลนส์แต่ละตัวนะครับ อันนี้ค่าโดยประมาณ) ถ้ามีเลนส์ช่วงนี้ (ซึ่งเข้าใจว่าเกือบทุกคนที่มีกล้อง ก็ต้องมีสักตัว) หรือจะใช้เลนส์เดี่ยว 50 มม. ก็ยังไหว ติดกล้องสะพายบ่าเข้าไป ดูเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ ทั่วไปที่พร้อมจะถ่ายทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อ Up ลง Facebook แล้วรอเพื่อนมากด Like (ถ้าไม่มีใครกด Like ทันทีที่โพสต์ภาพไป เฟซบุ๊คมาเนียบางคน ถึงกับไม่มีอารมณ์จะกินอาหารกันเลยทีเดียว นั่งจ้องโทรศัพท์รอคนกด Like อยู่นั่นแหละ เห็นมากับตาแล้วครับ)
เตรียมระบบกล้องไว้ที่ AV เป็นหลักครับ ระบบวัดแสงเฉลี่ยหลายส่วนเป็นมาตรฐานโลกสำหรับการถ่ายภาพลักษณะนี้ วัดแสงเฉพาะจุดเอาไว้ใช้เวลาถ่ายในสตูดิโอ หรือทำกับข้าวกินเองที่บ้านก็ได้ครับ ตั้งค่ารูรับแสงไว้ที่ f/4 เป็นหลักไว้ก่อน ISO ตั้งไว้ที่ 200 หรือถ้าร้านเป็นสไตล์อึมครึมนิด ๆ ก็ตั้งเป็น 400 อันนี้ในกรณีจำเป็นจริง ๆ เอาไว้เป็นร้านที่แสงเยอะจริง ๆ หรือว่าเป็นช่วงเที่ยง ๆ หรือใกล้ชายคามาก ๆ แสงจัด ค่อยตั้ง 100 เพราะส่วนใหญ่แล้วแสงในร้านอาหารที่เราจะถ่าย มักจะไม่สว่างจ้าเหมือนที่โล่งทั่วไป ข้อสำคัญอย่าได้ตั้ง ISO เป็น Auto เป็นอันขาด เพราะกล้องอาจจะดัน ISO ไปสูงมากจนมีแต่ Noise เต็มไปหมด ใช้งานในลักษณะ Stock Photography ไม่ได้
เลือกที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ
ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับการถ่าย คือที่ที่น่าจะให้แสงได้นุ่มนวลที่สุด เช่น ริมหน้าต่างหรือริมชายคา ซึ่งผมถือเป็นที่นั่งในอุดมคติสำหรับเป้าหมายการถ่ายภาพเลยทีเดียว ถ้าเลือกที่นั่งได้เอง ให้มองหาริมหน้าต่างหรือริมชายคาก่อนเลย เอาโต๊ะไกลผู้ไกลคนที่สุดได้เป็นดี ยิ่งได้มุมอับสายตาประชาชนได้ยิ่งดีใหญ่ แต่ถ้าพนักงานแนะนำที่นั่งให้ ก็ไม่ต้องรีบนั่งตามที่เขาจัดให้ ลองเอ่ยปากขอ “ที่นั่งริมหน้าต่าง หรือริมชายคา” ดูก่อน ส่วนใหญ่แล้ว ถ้ามีว่างอยู่ เขาก็จะจัดให้ครับ
นั่งหันหน้าเข้าหาแหล่งกำเนิดแสงเสมอ
เมื่อเลือกที่นั่งได้ตามต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน อันดับแรกให้สำรวจทิศทางแสงก่อน แสงมาจากทางไหน ถ้าเลือกได้ ให้เรานั่งหันหน้าไปทางนั้น คือต้องหันหน้าเข้าหาแหล่งกำเนิดแสงเสมอ เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วการถ่ายภาพอาหาร ถ่ายให้ออกโทนสว่าง หรือแนวไฮคีย์ มักจะดูดีกว่าออกโทนมืด ๆ มัว ๆ หลักการง่าย ๆ คือเมื่อเรานั่งหันหน้าเข้าหาแสง เวลาอาหารมาวางตรงหน้าเรา ส่วนที่อยู่ติดกับตัวเราจะได้รับแสงน้อยกว่าด้านตรงข้าม สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ถ่ายภาพให้ด้านอยู่ติดกับตัวเรา (ซึ่งมืดกว่า) ได้รับแสงพอดี ด้านตรงข้ามก็จะโอเวอร์นิด ๆ ซึ่ง ส่วนใหญ่ แล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ดูดี มักจะได้ภาพอาหารที่มีโทนสว่าง ใส ดูน่ารับประทานมากกว่า ยกเว้นว่ามุมที่ต้องการไม่มีจริง ๆ ก็นั่งไปตามสถานการณ์ก่อนก็ได้ครับ
สำหรับผม หลักการที่ทำจนเกือบจะกลายเป็น กฏ ก็คือ ถ่ายภาพอาหารให้โอเวอร์ไว้ก่อนอย่างน้อย 1 สต็อป หรือมากกว่า ให้ดูเป็นภาพโทนสว่างเข้าไว้ มีโอกาสเป็นภาพที่สวยมากกว่าถ่ายพอดี หรืออันเดอร์ และการถ่าย Reality Shot นี่ เรามักจะกำหนดการหยอดแสง การควบคุมแสงไม่ค่อยได้ ดังนั้น ถ่ายให้ดูง่าย ๆ เคลียร์ ๆ ดีกว่าครับ
ในทางกลับกัน ลองนึกถึงการที่เรานั่งหันหลังให้แสง เวลาอาหารหรือเครื่องดื่มมาวาง เมื่อเราถ่ายภาพให้อาหารด้านที่อยู่ติดกับตัวเราได้รับแสงพอดี ปริมาณแสงด้านตรงข้ามก็ต้องน้อยกว่า ซึ่งทำให้ภาพดูมืดกว่า ซึ่งโดยมากแล้วแสงลักษณะนี้จะไม่ค่อยเหมาะสำหรับถ่ายภาพอาหารมากนัก โดยเฉพาะการถ่ายภาพเพื่อ Up ลง Facebook หรือถ่ายเป็นภาพสต็อก
เมนู ไกด์ไลน์สำหรับภาพสวย
ถ้ายังไม่มีการกำหนดรายการอาหารไว้ล่วงหน้า หรือยังไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร อย่าเพียงแต่ถามพนักงานว่า “มีอะไรแนะนำ” ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ให้ลองขอเมนูมาดู โดยทั่วไปร้านอาหารดี ๆ จะจัดทำเมนูอาหารที่มีภาพสวย ๆ ไว้ให้ดูอยู่แล้ว เราสามารถเลือกจากเมนูได้เลยว่า อาหารชนิดไหนดูแล้วน่าจะถ่ายภาพได้สวย หรืออาหารชนิดไหนที่เรายังไม่เคยได้ถ่ายภาพมาก่อน ยิ่งถ้าเป็นคนชอบลองอะไรแปลก ๆ ใหม่ หรือเป็นคนประเภท กินอะไรก็ได้ ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะจะได้เลือกสั่งแต่อาหารที่หน้าตาท่าทางจะขึ้นกล้องมารับประทาน มีโอกาสจะได้ภาพสวย ๆ และใครจะไปรู้ คุณอาจจะได้อาหารจานโปรดชนิดใหม่ในคราวนี้เป็นได้
ระหว่างรออาหาร อย่าลืมถ่ายภาพทดสอบ
เมื่อสั่งอาหารไปแล้ว อย่านั่งรอเฉย ๆ ให้ดูว่าบนโต๊ะอาหารมีวัตถุอะไรบ้างที่เอามาเป็นแบบทดสอบแสงได้บ้าง กล่องทิชชู่ ที่ใส่ไม้จิ้มฟัน แจกันดอกไม้ หรือไม่ก็คนรู้ใจที่ไปกับคุณด้วยก็ได้ ลองถ่ายทดสอบดูสักสามสี่ภาพ ว่ามีแสงมากน้อยแค่ไหน คุณจะได้กำหนดค่าต่าง ๆ ได้ถูกว่า จะใช้รูรับแสงเท่าใด ISO เท่าใด หรือจับกล้องในลักษณะไหน มีอะไรให้พิง ให้ค้ำยันบ้าง เป็นต้น อีกอย่างหนึ่ง จะทำให้คนในร้าน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานและลูกค้าอื่น ๆ ไม่ประหลาดใจเวลาอาหารหรือเครื่องดื่มมาแล้ว คุณตั้งหน้าตั้งตายกกล้องถ่ายเอาถ่ายเอา
ในขั้นตอนนี้ ระหว่างการถ่ายภาพทดสอบ ให้คุณสังเกตดูว่า อุปกรณ์ประกอบบนโต๊ะนั้น มีอะไรเอามาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากในภาพได้บ้าง ถ้าคิดว่าเอามาประกอบแล้วดี ก็เริ่มจัดวางสิ่งของต่าง ๆ เลื่อนไปมาทำเนียน ๆ เว้นที่ไว้สำหรับวางอาหารที่คุณจะถ่าย วางในทิศทางที่คิดว่าเหมาะสม แต่ถ้าคิดว่า ไม่เอาอะไรเข้ามาในเฟรม ก็ค่อย ๆ หาทางเลื่อนออกไปวางไว้ริม ๆ โต๊ะด้านใดด้านหนึ่ง โดยค่อย ๆ ทำแบบเนียน ๆ เช่นเดียวกัน
ลงมือทันทีเมื่ออาหารหรือเครื่องดื่มมาถึง
โปรดอย่าลืมว่า จุดประสงค์หลักของการเข้าร้านอาหาร คือการกินอาหารหรือเครื่องดื่มครับ ไม่ใช่การถ่ายภาพในสตูดิโอ ดังนั้น เราจะต้องให้ความสำคัญกับการกินและดื่มเป็นประเด็นหลัก ถ่ายภาพเป็นประเด็นรอง ที่ผมบรรยายมาทั้งหมดข้างต้นนั้น เป็นกระบวนการคิด ที่ไม่มีใครในโลกนี้จะรู้หรือสังเกตเห็นว่าคุณกำลังวางแผนทำอะไร มีแต่คุณเท่านั้นที่รู้ ถ้าคุณไปร้านอาหารกับเพื่อน ๆ กับคนรู้ใจ หรือกับใครก็ตาม คุณสามารถเตรียมเลนส์ เตรียมกล้อง เลือกที่นั่ง เลือกทิศทางการนั่ง ทั้งหมดนี้ได้โดยมีใครสังเกตเห็นว่าคุณกำลังจะถ่ายภาพอาหารแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่เมื่ออาหารมาถึง มันก็จะต่างออกไป
คุณจะต้องรีบถ่ายภาพอาหารอย่างรวดเร็ว ถ้าไปคนเดียวไม่มีปัญหา คุณจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แค่อย่าถ่ายภาพจนอาหารเย็นกระด้าง กาแฟชืดไปหมดก็เป็นพอ เพราะถ้าทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเสียของ ผมจะไม่ทำเด็ดขาด อาหารบางชนิดที่ทำร้อน ๆ มักจะดูดี ถ่ายภาพสวยที่สุดภายในสองสามนาทีแรกที่มันถูกยกมาวาง กาแฟหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ก็เช่นกัน จะดูสดใหม่หรือน่ากินอยู่ได้เพียงไม่นาน เครื่องดื่มเย็นยิ่งแล้วใหญ่ แค่เพียงไม่กี่วินาที ไอน้ำก็จะทำให้พื้นผิวหรือรูปทรงเปลี่ยนแปลงไปได้มาก ถ่ายภาพแล้วดูไม่สวยเหมือนตอนเสิร์ฟใหม่ ๆ คุณต้องรีบจัดการถ่ายภาพมันชุดใหญ่ตั้งแต่ตอนนี้ แล้วจัดการกินเสียตั้งแต่ยังไม่เย็นชืดหรือละลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปร้านอาหารกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใคร (ยกเว้นนักถ่ายภาพด้วยกันเท่านั้น) ถ้าคุณจะถ่ายภาพ คุณต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีนับจากอาหารถูกวางลงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยทั่วไป ถ้าคุณมีการเตรียมตัวมาอย่างดี และมีประสบการณ์มาระยะหนึ่ง คุณต้องการแค่เพียงไม่เกินสามสิบวินาทีเท่านั้นก็มีโอกาสได้ภาพที่ดีแล้ว
อย่าถ่ายมุมเดียว
ร้อยทั้งร้อย ร้านอาหารจะไม่ยึดจานอาหารหรือถ้วยเครื่องดื่มไว้ติดกับพื้นโต๊ะ นั่นหมายความว่า คุณสามารถหมุนมันไปเรื่อย ๆ แล้วถ่ายภาพจากหลาย ๆ มุม ระยะเวลาสั้น ๆ ที่ต้องถ่ายภาพแข่งกับเวลา ถ่ายภาพมาให้หลากหลายมุมมองที่สุด ถ้าคุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เวลาเพียงหนึ่งนาที รับรองว่าคุณสามารถหมุนอาหารหรือเครื่องดื่มไปในมุมต่าง ๆ ได้มากมายชนิดคาดไม่ถึง
อย่านั่งถ่ายภาพอย่างเดียว ถ้าคิดว่า ยืนถ่ายแล้วน่าจะได้ภาพที่ดี ก็ต้องยืน ในหัวข้อ เลือกที่นั่ง ผมแนะนำให้คุณเลือกที่นั่งที่ไกลผู้ไกลคน หรืออับสายตา ตอนนี้ล่ะที่มีประโยชน์ที่สุด ถ้าได้ที่นั่งอย่างนี้ คุณจะลุกขึ้นยืนถ่ายภาพมุมสูง หรือเดินอ้อมไปถ่ายภาพในมุมที่ต้องการได้โดยไม่ต้องกังวลกับสายตาชาวโลก หรือไม่ต้องกังวลว่าจะถอยไปชนโต๊ะข้าง ๆ หรือว่าไปเกะกะขวางทางคนอื่น ๆ ความสนุกสนานในการถ่ายภาพจะเพิ่มเป็นเท่าตัวทันที
มองหาตัวช่วย เพื่อภาพที่นิ่งสนิท
ระวังความไวชัตเตอร์อย่าให้ต่ำมาก โดยทั่วไป สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางวัน แสงหน้าต่างหรือแสงชายคา มักจะให้ความไวชัตเตอร์ที่สูงพอสำหรับภาพที่คมชัดตามการตั้งค่ากล้องที่แนะนำ ยิ่งใครใช้เลนส์ไวแสงประเภท f/2.8 ก็ยิ่งมีโอกาสได้ความไวชัตเตอร์สูงขึ้นอีก แต่ถ้าเป็นช่วงเช้ามาก หรือเย็นมาก หรือท้องฟ้ามีเมฆครึ้มเป็นพิเศษ ก็อาจจะได้ความไวชัตเตอร์ที่ต่ำลงไปอีกมา ต้องระวังในเรื่องความสั่นไหวของกล้องให้ดี สำหรับผมเอง ในกระเป๋ากล้องจะมีขาตั้งกล้องแบบเล็ก ๆ แต่แข็งแรงมากอยู่อันหนึ่ง (SLIK Mini-Pro Tripod) ไว้สำหรับการถ่ายภาพลักษณะนี้โดยเฉพาะ โอกาสไหนที่หยิบมาใช้ได้ก็จะใช้ แต่ถ้าใช้ไม่ได้ วิธีการที่ใช้บ่อยที่สุดในการที่จะช่วยให้ได้ภาพคมชัด นิ่งสนิทมากที่สุดก็คือ การถือกล้องด้วยสองมือตามหลักการจับกล้องและเลนส์ทั่วไป แล้วใช้ข้อศอกทั้งสองวางบนพื้นโต๊ะ ทำให้แขนทั้งสองข้างเป็นฐานรองรับกล้อง จะช่วยให้การถ่ายภาพโดยความไว้ชัตเตอร์ไม่สูงมาก มีโอกาสคมชัดขึ้นมากพอสมควร
ถ้าใช้วิธีดังกล่าวแล้ว มุมถ่ายภาพไม่เหมาะสม ก็จะใช้วิธีพิงกับพนักเก้าอี้ หรือผนัง (ถ้ามี) คือจะเลือกใช้วิธีถือกล้องโดยตัวและแขนลอยอยู่ในอากาศเป็นวิธีสุดท้ายเสมอ
จุดโฟกัส ตัวตัดสินว่าภาพสวยหรือต้องลบทิ้ง
การถ่ายภาพอาหารแบบ Reality Shot ที่ว่านี้ มักจะเป็นการถ่ายแบบ Close Up เสียเป็นส่วนใหญ่ ภาพพวกนี้ความชัดตื้นหรือชัดลึก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพดูดีหรือดูไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายเพื่อจุดมุ่งหมายพ่วงเพื่อเป็นภาพสต็อก ฝึกการเลือกจุดโฟกัสของกล้องด้วยตัวเองให้ชำนาญจะช่วยได้มาก โดยทั่วไปแล้ว จุดโฟกัสที่ควรเลือก ก็คืออาหารในส่วนที่อยู่ติดกับตัวเราที่สุด มองเข้าไปในช่องมองภาพแล้วอาหารที่อยู่ใกล้ตาเราที่สุดชัดไว้ก่อนจะปลอดภัยที่สุด ภาพแนวสต็อกมักจะไม่นิยมโฟกัสแบบปล่อยด้านหน้าเบลอ กลางชัด หลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด แต่นิยมแบบหน้าชัดหลังเบลอมากกว่า (อันนี้เป็นหลัก ทั่วไป นะครับ ต้องขึ้นอยู่กับอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือสภาพแวดล้อมแต่ละที่ด้วย แต่ส่วนใหญ่ใช้หลักการนี้)
การโฟกัสจะใช้ระบบออโต้โฟกัสหรือแมนนวลก็แล้วแต่สะดวก แต่สำหรับผม ส่วนใหญ่แล้วจะโฟกัสระบบแมนนวลเสียมากกว่า โดยเฉพาะถ้าอาหารหรือขนมหรือภาชนะใส่อาหารเป็นสีขาว บางทีจุดที่เราต้องการโฟกัสมีคอนทราสต์ไม่มาก กล้องก็จะโฟกัสไม่ได้ หรือวืดไปวืดมา การโฟกัสเองจะมั่นใจกว่า
อย่ากังวลกับสายตาประชาชน
แน่นอนว่า ร้านอาหารคือสถานที่สาธารณะ นอกจากคุณแล้ว จะมีคนอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานของร้าน หรือลูกค้าโต๊ะอื่นๆ จากประสบการณ์ของผม พนักงานนั้นไม่มีปัญหา เพราะพวกเขามักจะเคยชินกับการเห็นคนถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่ม แต่ลูกค้าอื่น ๆ ในร้านจะสนใจคุณมากกว่า บางคนเห็นคุณถ่ายภาพ ก็จะตั้งหน้าตั้งตาจ้องเอาจ้องเอาด้วยความสงสัยสุดชีวิต (เราคงจะรู้กันดีนะครับว่า คนไทย (บางกลุ่ม) เป็นคนที่สนใจเรื่องคนอื่นมากขนาดไหน) ผมเคยเจอมาหลากหลายประเภท มีทั้งมองเฉย ๆ หรือถ้ามาเป็นกลุ่มก็จะพูดคุยกันลอย ๆ มาให้ได้ยิน บางทีก็หันไปถามกันว่า “พี่เขาถ่ายไปทำอะไร” อีกคนก็จะตอบว่า “จะไปรู้เหรอ เราก็มาด้วยกันนี่แหละ แกไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้ยังไง” นั่นน่ะสิ ถามพิลึกนะผมว่า
มีอยู่ครั้งหนึ่ง โต๊ะข้าง ๆ เห็นผมกำลังถ่ายภาพ คนหนึ่งพูดขึ้นมาเบา ๆ (แต่ดังพอที่ผมจะได้ยิน) ว่า “เขาถ่ายไปลงเฟซบุ๊คแน่เลย” อีกคนก็พูดเบา ๆ (แต่ดังพอที่ผมจะได้ยินเช่นกัน) ว่า “จะบ้าเหรอ ถ้าลงเฟซบุ๊คก็ต้องถ่ายกับมือถือสิ” ขอโทษ ผมไม่บอกหรอกครับ ว่าถ่ายไปขายเป็นภาพสต็อก อีกอย่าง ถ่ายกับกล้อง DSLR ก็ลงเฟซบุ๊คได้นะ ผมก็เคยทำ
กรณีหนักที่สุดที่เคยเจอ เป็นผู้หญิงอายุราว ๆ ห้าสิบปีได้ นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ลุกเดินมายืนจ้องดูเอาดื้อ ๆ เลย ผมต้องยิ้มแหย ๆ แล้วเลิกถ่ายภาพ ป้าแกจึงยิ้มแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
ที่เล่ามานี้เพื่อจะบอกว่า สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้นักถ่ายภาพบางคน ไม่มีโอกาสได้ภาพดี ๆ สวย ๆ ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสไปสถานที่ที่น่าจะได้ภาพแบบที่ว่าบ่อย ๆ ก็คือ ความเขิน อาย หรือแพ้สายตาชาวโลกครับ สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ อย่าไปกังวลมาก สิ่งที่เราต้องการก็คือภาพที่ดีที่สุด ตราบใดที่ร้านนั้นไม่ห้ามการถ่ายภาพ เราก็มีสิทธิจะถ่ายครับ อย่าไปให้ความสำคัญกับสายตาคนมากกว่าภาพสวย ๆ ที่เราจะได้ เราไม่ใช่แค่คนถ่ายภาพเพื่อไปอวดคนอื่นใน Social Network ทั่วไป แต่เราคือนักถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาพสต็อก หรือภาพที่ระลึกแบบคุณภาพสูง ดังนั้น เราอาจจะต้องทำอะไรที่แปลกหรือแตกต่างนิดหน่อย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีเลิศกว่าคนถ่ายภาพทั่วไป