ภาพเพิ่มขึ้น แต่รายได้ลดลง มันเกิดอะไรขึ้น

[cammania]

ไม่ทราบมีท่านใดเป็นแบบนี้บ้างครับ เวลาผ่านไป มีภาพในพอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่รายได้ยอดขายแต่ละเดือนกลับลดลง เท่าเดิม หรือขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แค่นั้น ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนภาพที่เพิ่มขึ้นอะครับ

คือสังเกตจากตัวเอง ทำมา 3 ปีกว่า มีภาพ 3 พันกว่าภาพ ใน 2-3 ปีแรก ยิ่งมีภาพมาก รายได้ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นกราฟพุ่งขึ้นตามจำนวนภาพ จนในช่วง 10,000$ ขึ้นไปแตะ 20,000$ นี่มันกลับอืด หนืด ช้ามาก ยอดขายวูบ ๆ วาบ ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ จากที่เคยขายได้วันละ 50-60 ภาพ จนมาเดือนนี้เหลือ 10-20 ภาพ แทนที่ภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ทุกวันนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น แถมดูเหมือนภาพยิ่งเพิ่ม รายได้ยิ่งลดลงด้วยอะครับ

[Atlantis]

ผมว่าไม่แปลกนะครับ จากที่ถามคนที่ทำด้วยกันก็เป็นเช่นนั้น ภาพมันเยอะจัดครับคิดว่า คนใหม่ ก็เยอะ การโหลดภาพมันกระจายไปหมด
ไม่ได้กระจุกตัวแบบเดิมแล้ว ผมนี่เป็นมานานแล้ว เป็นปีแล้ว ภาพใหม่ไม่มีออกเลย นาน ๆ จะขายได้ สัก ใบหนึ่ง แต่ก็พอมี first time
บ้าง แต่ไม่ได้ผ่านปุ๊บโหลดปั๊บ จะเป็นแบบ อัพเป็นหลาย ๆ เดือนแล้วมีโหลด ผ่านปุ๊บโหลดปั๊บเกือบเป็นศูนย์ ปีนี้มี 1 ใบเองถ้าจำไม่ผิด
ประเภทว่าจองวันเวลานี่ ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น เลิกคิดเลิกทำไปนานละครับ

[9comeback]

ผมเริ่ม ทำ stock. มา 7 ปี
ตอบแบบง่ายๆคือ อัตราการเพิ่มของจำนวนรูปใน microstock กับ ความต้องการของลูกค้า ไม่ได้โตในอัตราที่สมดุลกันอีกแล้ว
.
จากประสบการณ์ของผม
.ช่วงที่1 ปี 2010-2013 รูปใน ตลาด stock ยังน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของลูกค้าที่มีสูง ภาพเลยขายดีมากๆ
.ช่วงที่2 ปี2013-2016 รูปในตลาด stock เริ่มมีเพิ่มขึ้น สมดุลกับความต้องการของลูกค้า ภาพยังขายได้ดีอยู่ในสภาวะ ทำมากได้มาก ใครขยันก็ได้เยอะ
.ช่วงที่3 ปี 2016-ปัจจุบัน รูปในตลาดstock เพิ่มขึ้น มหาศาล ไม่สมดุลกับ ความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ทำให้ contributor มีคู่แข่งมากขึ้น ยอด download ก็น้อยลงตามกันไป
.หลังจากนี้จำนวนภาพในตลาดstock ก็เพิ่มในจำนวนมหาศาลเช่นเดิม สวนทางกับความต้องการลูกค้าเช่นเดิม จนถึงวันหนึ่งที่อิ่มตัว และ กล่าวได้ว่า การทำ stock ไม่ใช่อาชีพที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่นเดิมอีกแล้ว

[prmac]

ผมจำได้ว่า น่าจะเป็นปีกลายนี้ ปุ่ม follow, follower หายไป แต่ผมก็ไม่รู้ว่า เกี่ยวกันด้วยหรือเปล่า
คือสงสัยน่ะครับ สมมุติว่า ผมเป็นลูกค้า follow contributor นั้นอยู่ แล้วตามซื้องานใหม่ๆเขาตลอด
อยู่มาวันนึง ปุ่มนั้นหายไป ผมยังจะรู้อยู่ใหมว่า contributor นั้นที่ผมเคยซื้อ อัพเดทงานใหม่ๆ เข้ามา
ถ้าไม่รู้ กลายเป็นว่า ก็ต้องไปจำชื่อ contributor ที่ตัวเองซื้องานอยู่ เพราะงานถูกใจมากสุด
ทีนี้พอจำ contributor ไม่ได้ ก็ต้องไปค้นภาพในระบบปกติ ดันไปเจอสแปมอีก
ถ้าทนไม่ได้ก็เลิกซื้อแพกเกจที่ SS หันไปซื้อที่อื่นแทน เพราะบางเวบปุ่ม follower, like box ยังเหลืออยู่
ทีนี้กรรมมาตกที่คนขาย ลูกค้าที่เคยตาม อัพไปเท่าไหร่ ลูกค้าเก่าก็ไม่เห็น จะหวังจากลูกค้าใหม่ ก็แค่ลูกค้าจร
เพราะไม่มี follower, follow หรือเปล่า

อันนี้แค่คิดครับ ถ้ามันใช่ ก็เหนื่อย ถ้าปุ่ม follow, follower มันช่วยได้จริง SS ควรจะเอากลับมา
อีกอย่างถ้า จำนวนคนติดตามงานเราลด เราจะได้รู้ว่าเราต้องพัฒนาฝีมือขึ้นด้วยครับ (อันนี้ก็คิดเหมือนกันครับ)

[Atlantis]

prmac เข้าใจผิดแล้วครับ follower ยังคงมีอยู่นะครับ ต้องเข้าไปในภาพ Approved ถึงจะมองเห็นยังมีอยู่เหมือนเดิม
ผมมี 17 ก็ 17 เท่าเดิม เข้าใจว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับที่บอกนะครับ ผมว่าภาพมันเยอะเกินไป ลูกค้าไม่เพิ่มตาม ค้นลำบาก
การโหลดก็กระจายตัวกันไป ลูกค้าใหม่อาจโตน้อยลง อยากให้ลูกค้าไปบ่นกับ SS จริงๆครับว่าทำภาพเยอะเกินไป
แล้ว

[eaohm11]

ส่วนตัวนะครับ โดยมาก ช่างภาพแต่ละคนก็จะส่งภาพไปขายกับหลายหลายที่ และภาพทุกที่ก็จะเหมือนเหมือนกันหมด
และการเปิดตัวของตลาดขายภาพใหม่ๆ ก็มีมากขึ้น และก็มี โปรในการขาย แบบลดแลก แจกแถม ในช่วงเปิดตัว
เมื่อตลาดเริ่มมีทางเลือกมากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อผู้ซื้อภาพ เมือตรงใหนภาพราคาถูกเขาก็จะแห่ไปซื้อที่นั่น เพราะภาพก็
จะเหมือนๆกัน ไม่ต่างกันมากเหมือนเมื่อก่อน เพราะแต่ละค่ายรับภาพง่ายขึ้น คุณภาพก็จะเท่าๆกัน
ตอนนี้เห็นแข่งกันเรื่องปริมาญอย่างเดียว คุณภาพแค่กลางๆก็ผ่านแล้ว......

[prmac]

เห็นแล้วครับพี่พี่ ขอบคุณครับ ขนาดพี่ยังมีเท่านี้ พวกใหม่ๆอย่างผม จะมีใครมาตามงานใหมเนี่ย

สมมุติอีกรอบนะครับ ตอนนี้คนขายน่าจะราวๆสามแสน เพิ่มขึ้นไวเนื่องจาก สอบ 10 เอา 1 ด้วยเหตุผลที่เห็นกันอยู่ที่บอกรายได้ดี
เป็นกอบเป็นกำ จากนั้น คิดในแง่ อุปสงค์ อุปทาน ก็จะเกิดการแข่งขันส่งภาพมากขึ้น สัดส่วนภาพ SS ก็สูงมากขึ้นเทียบกับเจ้าอื่น
และรายจ่ายให้ช่างภาพหน้าใหม่ 0.25$ (normal sub level 1) ต่อโหลด แทนที่ต้องจ่าย 0.33$ --> more ให้ช่างภาพหน้าเก่า
level สูง ดังนั้นค่าใช้จ่ายของ SS ก็จะไม่สูงมาก และเพิ่มขึ้นเร็วจนเกินไป เพราะกว่าช่างภาพจะอัพเลเวลได้ต้องใช้เวลานานขึ้น
สัดส่วนกำไรก็จะดีขึ้น (ราคาหุ้น SS ในตลาดหลักทรัพย์ก็จะไม่ลดลง) แต่ช่างภาพเองรายได้คงตัว หรือลดลง จนกว่าช่างภาพที่รู้สึกว่า
อยู่ไม่ได้ รายได้ไม่น่าสนใจ ก็จะถอนตัวออกไป
ตอนนั้นเราถึงจะเห็นยอดภาพใหม่ เข้ามาในระบบอัตราลดลง (ก็คงอีกนาน) แต่ภาพยังเยอะอยู่ ตอนนั้นแหละมันน่าจะเข้าสู่จุดสมดุลใหม่
ใครที่อยู่ถึง น่าจะได้เห็นอะไรหลายอย่าง ใครที่ไม่ส่งงาน งานก็จะจมลงก้นมหาสมุทรภาพสต๊อก ใครที่ส่งงานอยู่ โอกาสที่ลูกค้าเห็นมากขึ้น

ถ้าเกิด SS เพิ่มปุ่ม serch เป็น All time popular กับ 3 month popular ตอนนั้นคนที่ยังส่งภาพขายอยู่ น่าจะได้แข่งกันที่ปุ่มค้นหาอย่างหลัง

ปล ผมเคยสอนคนที่อยากขายรูป อยากสอบ SS เหตุผลหลักที่ก้าวเข้ามาคือ เห็นบอกว่าขายรูปแล้วได้ตังค์ อยากทำบ้าง
ผมสอนไปถึง แต่งภาพใช้ Lightroom เขาบอกว่ายาก อยากทำแค่ ถ่าย อัพโหลด ขายเลย ประมาณว่าหลังกล้องนั่นแหละครับ
บางคนใช้มือถือด้วย ผมถามว่าแล้วคุณภาพงานล่ะ ไม่สนใจเลยเหรอ เขาตอบว่า ทำเล่นขำๆ พอได้ พอร์ตขายภาพ ไปอวดเพื่อนใน
โซเชียลมีเดีย ผมก็เลยได้แต่ยิ้มๆ และ ไม่สอนต่อ เพราะรู้สึกว่า ไม่ได้อะไรครับ ไม่รู้ว่าบ้านเรามีเยอะหรือเปล่า

[adlez]

รูปมันทะลักล้นตลาดจริงๆครับ อีกหน่อยรูป stock มูลค่าต่อรูปมันต้องลดลงเรื่อยๆ ยิ่งไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ ที่ใช้รูปในงานหนังสือ ป้ายโฆษณา หรือเว็บไซต์ดังๆตัวแทนขายคงไม่มานั่งตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานให้ ถ้าตรวจสอบเว็บไหนที่จะทำ ส่งซะหลายเว็บเลย ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะแจกกันฟรี ส่วนตัวแล้วผมจะแบ่งเกรดรูปเป็น 3 ระดับครับ

1.ถ้ารูปไหนไอเดียดีทำยากก็ขายดีกินยาวหน่อย
2.รูปไหนไอเดียไม่ดีทำยากก็ยังได้กินบ้าง
3.แต่ถ้ารูปไหนไอเดียดีทำง่ายจะได้กินแค่ช่วงแรก 5555 คุณจะมีเฟรนไชน์ในไม่ช้า

คงต้องเน้นที่ 1 กะ 2 นั่นแหละครับถึงจะพออยู่ได้ ส่วน 3 ไปดูของคนอื่นแล้วทำให้เป็น 1 ของเรา
ข้อเสียมันก็มีครับ ถ้าทำ 2 แล้วยังขายไม่ออกนี่ กำลังใจหายทวีคูณเลย เพราะตอนเราทำน่ะเราไม่รู้ตัวหรอก เรามักจะคิดว่าเราทำ 1 อยู่เสมอ บางรูปเหนื่อยแทบตายขายน้อยกว่า 3 แต่ระยะยาวจนลืมว่าเคยลง แล้วรูปประเภท 1 กะ 2 จะได้โหลดมาเองครับ

[bimmer]

กลยุทธทางการตลาดของแต่ละเวปเปลี่ยนไปเยอะครับ. ถ้าย้อนกลับไปซัก 7 ปีที่แล้ว ความเข้มข้นในการสอบเข้าเป็น contributorหรือแม้กระทั่งการรับภาพเหลังสอบผ่านแล้วนั้น โหดและเข้มงวดกว่าสมัยนี้เยอะครับ ยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือทั้ง ss และ is สมัยก่อนภาพที่มีน้อยส์หรือเกนนี่แทบไม่รับเลย การคัดเลือกภาพสมัยก่อนนี่ค่อนข้างโหดมากทีเดียว ส่งทีนึงนี่ก็ตรวจไม่เร็วเหมือนสมัยนี้ รอกัน สามวัน ห้าวันอาทิตย์นึงก็เคยมาแล้ว. สมัยนี้เหรอส่งไม่ถึง24 ชม ไม่ตรวจก็เห็นออกมาบ่นกันน่าดู. อยากให้กลับไปเข้มงวดโหดๆแบบสมัยก่อนนี้ก็ดีเหมือนกัน งาน junk จะได้น้อยลง แต่อย่างว่าครับ โลกเปลี่ยนไป หลายๆอย่างเปลี่ยนไป รับภาพน้อยก็ไม่มีภาพให้ลูกค้าเลือกได้แบบจุใจ รับมากไปเฟ้อรูปเยอะ คุณภาพลดลง. ยังไงก็แล้วแต่คนทำงานอย่างเราคงต้องปรับตัวครับ.จะไปบ่นไปเรียกร้องอะไรมากก็คงไม่มีประโยชน์ เวปเค้าก็บริการฟรีทุกอย่างให้เราไปขายฟรีๆ การจัดการระบบต่างๆของของเวประดับนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าคนที่ทำมาตั้งแต่ยุคแรกจะรุ้ว่าเวปเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก เค้าพัฒนาระบบมาดีกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ เพียงแตรูปที่รับเข้าไปในระบบมันเยอะมากมายมหาศาลกว่าแต่ก่อนจิงๆ

[masterphotoz]

ความต้องการขายน่าจะมากกว่าความต้องการซื้อแล้วมั่งคับ ตลาดมันเลยไม่สมดุล รึว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้วก็ไม่รู้ ผมทำรูปหนักขึ้นกว่าเดิมคุณภาพก็ดีกว่าเดิมหลายเท่าเป็นเวลาเกือบ2ปีแล้วแต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นเลย แค่รักษารายได้ให้คงที่ยังยากเลยสมั้ยนี้มันไม่เหมือน 4-5 ก่อนแล้ว เมื่อก่อนรูปผ่านเข้าขายบนเว็ปอาทิตย์ละหลักหมื่นแต่เดี๋ยวนี้ผ่านเข้าไปขายหลักล้านต่ออาทิตย์จะไหวหรือคับ มันเยอะเกินไปเกือบร้อยเท่า แต่คนซื้อไม่ได้มากตาม อาชีพนี้คงทำได้แค่เป็นอาชีพเสริมเท่านั้น จะยึดเป็นอาชีพหลักคงไม่ได้ อนาคตจะเป็นยังไงก็ยังไม่แน่ไม่นอน.

[Atlantis]

[UltraHD]

สาเหตุจากปริมาณงานที่ทะลักเข้ามาก็ส่วนหนึ่ง สัปดาห์นึงเกินล้านชิ้น คิดดูว่าปริมาณเยอะขนาดไหน
อีกสาเหตุก็มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ พวกนิตยสาร ที่ทั่วโลกปิดตัวไป คนอ่านหนังสือน้อยลงไปทุกวัน
ลองดูสิว่านิคยสารบ้านเราทั้งหัวไทย หัวนอก เหลืออยู่บนแผงกี่เล่ม

คุณลองดูว่านิคยสารเล่มนึงใช่ภาพประกอบทั้งภาพถ่าย ภาพวาดกี่ภาพ เมื่อนิตยสารหายไป
กำลังซื้อก็หายไปด้วยเช่นกัน แล้วหายไปมากด้วย

คนที่ทำ stockphoto ก็ต้องปรับตัว ต้องรู้ว่าเทรนด์ของเทคโนโลยีกำลังพาเราไปยังจุดไหน
แน่นอนกำลังซื้อยังคงมีอยู่ แต่คำถามคือ อยู่ในมือลูกค้ากลุ่มไหน นั่นละที่คุณต้องค้นหา

[stockdevil]

ส่วนตัวนะครับ เมื่อก่อนเพิ่มจำนวนภาพมากขึ้น คุณภาพพอๆเดิม ก็รายได้มากขึ้นตามลำดับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ถ้าไม่เน้นคุณภาพให้ภาพติดตลาดติด popular จะไม่มีที่ให้ยืนเลย เพราะขนาดทำภาพคุณภาพดีๆมาแล้ว( ส่วนตัวคิดว่าดี 55 )ยังโดนทะเลภาพกลบจนหายาก ถ้าเกิดทำภาพคุณภาพไม่ดีออกมา ก็จะจมหายไปเลย ไม่มีอะไรโดดเด่น

[JDWater]

Stocker ดังๆเค้าไป Business in Business กันหมดแล้ว

[masterphotoz]

[photothai]

นอกจากจำนวนรูปที่เยอะแล้ว ส่วนนึงก็เป็นที่สมัยนี้มีมือถือดีๆ ก็ถ่ายรูปได้ง่ายด้วยป่าวครับ ภาพเลยขายไม่ค่อยได้ ขนาด stock ยังรับภาพที่ถ่ายด้วยมือถือเลย